วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2553

ชัดกระแทกใจ จากเสี่ยอู๊ด ถึง ฟิล์ม




คมชัดลึก : นายสุทธิกร บุญฉิม หรือเสี่ยอู๊ด ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันในแวดวงบันเทิงว่า คือผู้อุปถัมภ์ค้ำชู "ฟิล์ม" รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ได้แสดงความคิดเห็นกรณีฟิล์มกับแอนนี่ บรู๊ค ผ่านพนักงานบริษัทที่ไปเยี่ยมในเรือนจำเมื่อวันที่ 22 กันยายน ที่ผ่านมา ดังที่ "คม ชัด ลึก" นำเสนอรายละเอียดต่อไปนี้ตั้งแต่เกิดข่าวของฟิล์ม ผมรับทราบจากทางทีวีทุกวัน คนต่างแสดงความคิดเห็นมากมาย มีสื่อมวลชนหลายแขนงที่รู้จักพยายามติดต่อขอเข้าเยี่ยมผมเพื่อสัมภาษณ์ ทำให้ผมนึกถึงคำพูดของวูดดี้ และคุณเต๋า ทีวีพูลทูไนท์ว่า ถ้าฟิล์มเกิดเรื่องราวเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมาอีก พี่อู๊ดคือหนึ่งในแหล่งข่าวที่ต้องมาสัมภาษณ์ แต่ผมเองกลับเฉยๆ เพราะรู้อยู่แล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นกระแส เป็นการขายข่าว เป็นการชิงดีสร้างภาพลักษณ์ของกันและกัน มีหลายสื่อต้องการขอข่าวจากผม แต่ผมปฏิเสธทุกสื่อ เพราะไม่อยากไปเกี่ยวข้อง แต่ยิ่งนานวันข่าวกลับไม่จบผมจึงต้องแสดงความคิดเห็นผ่าน "คม ชัด ลึก" ฉบับเดียวว่า งานนี้ต่างฝ่ายต่างพูดแต่สิ่งที่ตนเองดี โดยโจมตีคนอื่น เรื่องที่ฟิล์มมีลูกเป็นเรื่องปกติของคนทั่วไป เป็นเรื่องของธรรมชาติ การมีลูกเป็นภาระอันยิ่งใหญ่ของความเป็นมนุษย์ ทุกวันนี้สังคมเสื่อมทรามย่ำแย่ ไม่ใช่เป็นเพราะสังคมหรอกครับ เป็นเพราะมนุษย์นี่แหละ คนเกิดมาทุกนาทีไม่มีการอบรมเลี้ยงดูที่ดี เป็นเพราะผู้เป็นพ่อแม่ไม่รู้วิธีการเลี้ยงดูที่ดี ขนาดคนปกติทั่วไปมีความรับผิดชอบเลี้ยงดูลูก แต่ไม่รู้จักการสั่งสอน ลูกจึงเป็นภาระของสังคม แต่กรณีฟิล์ม ถ้าเป็นพ่อ แล้วผู้เป็นพ่อยังไม่รับผิดชอบต่อลูกในไส้ของตน อย่าไปนับประสาอะไรกับการเลี้ยงดูให้เป็นคนดีของสังคมในอนาคตเลย เรื่องนี้เป็นภาวะของคนที่มีความรับผิดชอบถ้าเป็นผมให้คำแนะนำแก่ฟิล์ม จะให้ยืดอกประกาศรับเลยว่า เนี่ยคือลูกของผม สังคมก็ไม่ประณาม ส่วนจะใช่ลูกในไส้หรือไม่วันหลังค่อยมาตรวจดีเอ็นเอ ถ้าปรากฏไม่ใช่ลูกของฟิล์มจริง คนที่ต้องตายทั้งเป็นคือแอนนี่ แต่นี่อะไรเหมือนเกลียดตัวกินไข่ ผู้หญิงตั้งท้องแล้ว ปากฟิล์มบอกว่า ส่งเสียเลี้ยงดูแต่ทำไมไม่กล้าที่จะยืดอกยอมรับ ทำเหมือนแทงกั๊ก เด็กคนจะเป็นลูกใครไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า เราต้องการทำความถูกต้อง หรือต้องการทำความดีกันแน่ ถ้าต้องการทำความดี คือดีในมุมของฟิล์ม ก็ต้องทำสารพัดเพื่อรักษาภาพลักษณ์ปกป้องสถานภาพโดยไม่คำนึงถึงศีลธรรม คุณธรรม ถ้าต้องการความถูกต้องก็ไม่จำเป็นต้องรู้ผลว่าเป็นลูกของเราหรือไม่ ประเด็นอยู่ที่ว่า เราอยากรับเป็นลูกไหม ถ้าอยากรับ ก็รับเลย จะเป็นลูกโดยสายเลือดหรือเป็นลูกบุญธรรม มันก็เป็นลูกทั้งนั้น ยิ่งถ้าหาพ่อตัวจริงไม่ได้ ฟิล์มก็รับไว้สิ เราจะได้เป็นพ่อพระ ตอนนี้เหมือนกับฟิล์ม 1.เห็นแก่ตัวเอาเปรียบผู้หญิง คือมีความสัมพันธ์แล้วไม่รับผิดชอบ 2.เห็นแก่ได้ คือ มีความสัมพันธ์แล้วยังย่ำยีผู้หญิง คือตั้งท้องมีลูกกลับจะขอตรวจดีเอ็นเอ เหมือนกำลังจะประณามผู้หญิง และ 3.ไม่มีน้ำใจ คือไม่ถนอมความรู้สึกผู้หญิง โดยการไม่รับผิดชอบในสถานภาพของผู้หญิง และของเด็กที่เกิดมา ก็คือปฏิเสธนั่นเอง

งานนี้แอนนี่อุ้มลูก 3 เดือน มาเรียกร้องขอความเป็นธรรมเพื่อหาคนที่เป็นพ่อ แต่คนที่เป็นพ่อตามที่ผู้หญิงกล่าวอ้างนั้น ต้องการให้ตรวจดีเอ็นเอเด็ก สมมติกลับกัน ถ้าผู้หญิงที่อุ้มท้องเด็ก 3 เดือนมา เป็นคนอื่นที่ฟิล์มรัก ฟิล์มจะประกาศผ่านสื่อขอตรวจดีเอ็นเอลูกของหญิงคนนั้นหรือไม่งานนี้ทำให้เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีแก่สังคม มาจากบุคคลที่ขาดการรับผิดชอบ เป็นแม่แบบให้ฟิล์ม และคอยให้ท้ายในการทำความผิด ให้เป็นความถูก คนดังกล่าวก็มี1.ครอบครัวของฟิล์ม ที่ควรจะจัดการกับพฤติกรรมของลูกตั้งแต่เด็กยังไม่คลอด แต่กลับปล่อยไว้จนปัญหาบานปลาย และฟิล์มก็แก้ปัญหาตัวเองแบบอย่างไม่ถูกต้อง2.เฮียฮ้อ เป็นผู้ใหญ่ต้นสังกัดที่ได้ประโยชน์ในตัวของฟิล์ม การพูดอะไร แน่นอน ไม่มีความเป็นกลาง แต่ที่พูดผ่านสื่อ ฟังดูเหมือนดี แต่สุดท้ายก็มีแนวทางเดียวกันกับฟิล์ม เรื่องนี้เฮียฮ้อกำลังทำตัวเป็นผู้พิพากษา สั่งให้ผู้หญิงไปทำความกระจ่าง โดยไม่คำนึงถึงผลที่เด็กจะได้รับในอนาคตว่า แม่ของเขาตอนที่เกิดมาใหม่ๆ มีแต่คนเหยียดหยามดูถูก เฮียฮ้อออกมาพูดแบบนี้ แลดูว่าดี แต่ก็ทำไม่ดีในมุมมองของฝ่ายหญิง เรื่องของครอบครัว สามีภรรยา คนอื่นไม่มีสิทธิ์ไปก้าวล่วง แกมบังคับ ให้เขาตรวจหรือไม่ตรวจดีเอ็นเอ ประเด็นมันอยู่ที่ความรับผิดชอบของฟิล์มต่างหาก3.สื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวก็ยึดที่ผลประโยชน์และอิทธิพล ตอนนี้ผู้ใหญ่ของฟิล์มประกาศออกมาเต็มตัว เพื่อช่วยฟิล์ม หรือบางสื่อคำนึงถึงเรื่องขายข่าวเอากระแส จนลืมความเปราะบางตามความรู้สึก และปมปัญหาให้เด็กเป็นคนเก็บกดในอนาคต สื่อพึงชั่งน้ำหนักได้เลยว่า ผู้หญิงผิดหรือผู้ชายผิด และใครควรทำอะไรให้เป็นแบบอย่างให้แก่สังคมในปัจจุบัน สตรีเป็นเพศแม่ นึกจะทำอะไรข่มเหงน้ำใจก็ทำกันง่ายๆ เลยหรือเรื่องทั้งหมดเป็นกระแส มีเกิดขึ้นเดี๋ยวก็จบไป แต่สิ่งที่คงไว้คือ ความอัปยศที่จะเกิดขึ้นตามมากับหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฟิล์มเอง ญาติมิตร เด็ก ผู้หญิง หรือแม้แต่สังคมสุดท้ายในความรู้สึกของผมก็ขึ้นกับสื่อว่าจะใช้เสี้ยวของความคิดและจิตใจว่าจะฝักใฝ่กับเรื่องใด จะทำความถูกต้องให้แก่สังคม หรือทำความดีให้ถูกใจใครคนใดคนหนึ่ง ที่สุดของที่สุด นรกและตราบาปก็อยู่ในใจฟิล์ม ตัวเด็กก็จะเป็นพยานแห่งอดีตของฟิล์มเอง ถ้าฟิล์มไม่รับว่าเป็นลูกก็ไม่เป็นอะไร แม้แอนนี่จะไม่ให้ตรวจดีเอ็นเอก็ไม่เป็นอะไร แต่สำหรับผมสงสารเด็กคนนี้ และผมรู้สึกรักเด็กคนนี้ ผมขอวิงวอนขอร้องฟิล์ม ถ้าไม่รับว่าเป็นลูกก็ไม่เป็นไร พี่อู๊ดจะขอร้องให้ฟิล์มยกกรรมสิทธิ์บ้านหลังนั้นที่พี่อู๊ดยกให้ ให้เด็กไปเถอะ อย่างน้อยวันข้างหน้า ถ้าเขาไม่มีพ่อ แต่เขาก็ยังมีบ้านอยู่ และอย่างน้อยบ้านที่เขาอยู่ก็เคยเป็นบ้านของบุคคลที่ใครๆ ทั้งประเทศรู้ว่าเป็นพ่อเด็ก สรุปบ้านหลังนี้ที่พี่อู๊ดให้ฟิล์มอยู่ พี่อู๊ดขอยกให้เป็นการรับขวัญหลานคนนี้ก็แล้วกันนะครับ




ที่มาhttp://entertain.teenee.com/thaistar/59652.html

รายการบล็อกของฉัน