วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553

"สมรักษ์"บิ๊กช่อง3ยัน"เฮียฮ้อ"พูดจริง เผย"จุ๊น"เคยรับมีสัมพันธ์"แอนนี่"


เมื่อเวลา 13.30 น. ที่อาคารมาลีนนท์ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีช่อง 3 พระราม4 นายสมรักษ์ ณรงค์วิชัย ผู้จัดการฝ่ายผลิตรายการช่อง 3 กล่าวถึงกรณีที่นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทอาร์เอสฯ ระบุผู้บริหารช่อง 3 ยืนยันดาราหนุ่ม"จุ๊น กิตติคุณ สัมฤทธิ์พันธ์สุข" ดาราหนุ่ม เคยมีสัมพันธ์กับแอนนี่ บรู๊ค นักแสดงสาว และถูกนักแสดงสาวขอเงินค่าคลอดลูก 2.5 แสนบาท ว่า ยืนยันตามคำพูดเฮียฮ้อ สิ่งที่เฮียฮ้อพูดเป็นความจริง พร้อมย้ำให้ทุกฝ่ายพูดความจริง
"ทุกคนควรออกมาพูดความจริงจะได้อยู่ในสังคมได้อย่างไม่หวาดระแวง คนเราทำผิดได้ แต่ต้องแก้ไข จะได้ไม่ต้องมีใครถูกพาดพิงอีก จะได้ทำมาหากินกันอย่างสุจริตกันต่อไป"
ทั้งนี้ นายสมรักษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนเคยโทรหาจุ๊นนานแล้ว และจุ๊นเองก็ยอมรับว่ามีอะไรกับแอนนี่ นอกจากนี้ จุ๊นยังยอมรับได้โอนเงินให้แอนนี่ ครั้งละ 2-3 หมื่น ไม่ได้เป็นเงินก้อน
"ไม่ได้ตกใจกับสิ่งที่เฮียฮ้อแถลงเมื่อวาน แต่เฮียฮ้ออาจใช้คำพูดไม่ถูก ทั้งที่มีเจตนาดี" นายสมรักษ์กล่าว
เมื่อถามว่า เมื่อวานนี้(28 ก.ย.) จุ๊นแถลงปฏิเสธไม่เคยมีความสัมพันธ์กับแอนนี่ นายสมรักษ์ กล่าวว่า จนกระทั่งตอนนี้ยังไม่ได้คุยกับจุ๊นเลย พยายามโทรไปก็ไม่รับสายตลอด แต่ตอนนี้จุ๊นก็ยังเป็นดาราสังกัดช่อง 3 เหมือนเดิม ไม่ได้ตัดงานหรือแบนอะไร แต่หลังจากนี้จะต้องเรียกจุ๊นมาคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นต่อไป
ที่มาhttp://entertain.teenee.com/thaistar/59938.html

"จุ๊น"ประกาศลาออกจากช่อง3 ยืนยันไม่เกี่ยวข้อง"แอนนี่"



จุ๊น-กิตติคุณ สัมฤทธิ์พันธุ์สุข
"จุ๊น"ประกาศลาออกจากช่อง3 ยืนยันไม่เกี่ยวข้อง"แอนนี่" ดาราสาวปัดไม่ใช่18มงกุฎโต้ไม่เคยเรียกเงิน"แอนนี่"ปัดไม่ใช่ 18 มงกุฎ โต้บิ๊กRSลั่นไม่เคยเรียกรับเงิน ท้าดูสมุดบัญชี วอนหยุดแฉ ซัด"ไม่เห็นค่า-เหยียบย่ำ"ลูกผู้หญิง" ย้ำไม่ตรวจดีเอ็นเอ วอนอย่าบีบคั้น จุ๊น-กิตติคุณ สัมฤทธิ์พันธุ์สุข เปิดแถลงข่าว ยืนยันไม่ได้เกี่ยวข้องกับ แอนนี่ บรู๊ค ดารานักแสดงสาวและไม่ตรวจดีเอ็นเอ กรณีที่มีกระแสข่าวว่า หนีไปสหรัฐอเมริกาเพราะ ไปดูเรื่องเรียนต่อ และที่บอกว่า รับเงิน 10 ล้านบาทให้รับเป็นพ่อเด็กไม่เป็นความจริง ครอบครัวมีฐานะดีพอ ไม่ต้องพึ่งเงินจากคนอื่น เรื่องนี้ ข่าวแรงมากกระทบกับครอบครัว ซึ่งสงสารผู้หญิง และขอลาออกจากเป็นดาราช่อง 3
"จุ๊น"ประกาศลาออกจากช่อง 3 ยันไม่เคยมีความสัมพันธ์กับ"แอนนี่"

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 29 กันยายน "จุ๊น-กิตติคุณ สัมฤทธิ์พันธุ์สุข" นักแสดงหนุ่มสังกัดช่อง 3 พร้อมกับทนายความ ร่วมแถลงข่าวถึงกรณีที่ถูกพาดพิงว่ามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับแอนนี่ บรู๊ค นักแสดงสาว โดยจุ๊น-กิตติคุณ กล่าวว่า ปัญหานี้เริ่มแรกเป็นเรื่องของคนสองคน แต่ตอนนี้เริ่มมีบุคคลที่ 3 เข้ามา ใจจริงแล้ว ตนไม่อยากรับรู้เรื่องราวของใคร แต่ว่าวันนี้อยากมาบอกว่า ข่าวที่ระบุว่าตนจะขอลาออกจากช่อง 3 นั้น เป็นความจริง ตอนแรกคิดว่าข่าวคงไม่แรงขนาดนี้ แต่นับวันมันยิ่งแรงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อครอบครัวตน ที่สำคัญผมต้องขอขอบคุณนายประวิทย์ มาลีนนท์และพี่ๆ ในช่อง 3 ที่ให้การดูแลตนเป็นอย่างดี และตนก็ยังรักช่อง 3 เหมือนเดิม
"แต่อยากจะบอกว่าผมไม่อยากเป็นเครื่องมือของใคร แล้วเรื่องการตรวจดีเอ็นเอ ถ้าจะให้ผมตรวจ ผมยินดีที่จะตรวจ แต่ในเมื่อผมไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ กับแอนนี่จริงๆ ผมจึงไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องตรวจดีเอ็นเอ ตอนนี้ข่าวมันแรงมาก คนที่น่าเห็นใจที่สุดคือผู้หญิงกับลูก ส่วนตัวผม ผมเป็นผู้ชายที่ไม่มีทางที่ต้องเสียอะไรอยู่แล้ว ผมอยากให้เรื่องนี้จบไปได้ด้วยดี อยากให้ข่าวเงียบไป แล้วให้ทั้ง 2 ฝ่ายจบกันด้วยดี วันนี้อาจเป็นการแถลงข่าวครั้งสุดท้ายของผม"
เมื่อถามว่า ยังยืนคำเดิมว่าไม่เคยมีความสัมพันธ์กับแอนนี่ใช่หรือไม่ จุ๊น-กิตติคุณ กล่าวว่า ขอยืนยันครับ เมื่อถามว่า แสดงว่าเป็นการสวนทางกับที่เฮียฮ้อ-สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่และบริหารบริษัทอาร์เอส จำกัด (มหาชน) และนายสมรักษ์ ณรงค์วิชัย ผู้จัดการฝ่ายผลิตรายการช่อง 3 ออกมาพูดใช่หรือไม่ จุ๊น-กิตติคุณ กล่าวว่า ตนไม่ได้อยากแตกหักกับช่อง 3 ตนยังขอขอบคุณนายประวิทย์ และพี่ๆ ในช่อง 3 ทุกคน เพราะเขาได้ดูแลเลี้ยงตนมาอย่างดี แต่ที่ตนลาออก ตนได้ตัดสินใจแล้วว่ามันมีผลกระทบต่อครอบครัวตนจริงๆ ตนจึงไม่ขอพาดพิงถึงบุคคลอื่น
"ผมเป็นเด็กมารยาทของคนไทยอย่างไรเราต้องเคารพผู้ใหญ่ ผมไม่เคยโกรธและไม่เคยพาดพิงถึงใคร ที่ผมมาพูดที่พารากอน ผมมาพูดเรื่องระหว่างผมกับแอนนี่ เพราะฉะนั้นผมจึงไม่อยากพาดพิงถึงใคร แม้สิ่งที่ผู้ใหญ่พูดออกมาจะพาดพิงถึงผม แต่ผมเป็นเด็ก ผมจะไม่กล่าวอ้างว่าใครโกหกหรือไม่โกหก"
เมื่อถามว่า ได้คุยกับนายสมรักษ์จริงหรือไม่ จุ๊น-กิตติคุณ กล่าวว่า ได้คุยกับสมรักษ์จริง แต่ว่าตนแค่ปรึกษา แต่ไม่ขอบอกว่าเป็นการปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ เมื่อถามว่า กลัวสังคมมองว่าตัวเองเป็นคนโกหกหรือไม่ จุ๊น-กิตติคุณ กล่าวว่า ตนได้บอกความจริงไปแล้ว ตนเป็นเด็ก ตนค่อนข้างแคร์ถ้าสังคมมองว่าตนโกหก แต่เราต้องคำนึงถึงผู้หญิง แอนนี่คงอยากมีครอบครัวที่ดี อยากให้มีพ่อแม่ลูกครบกันทั้ง 3 คน คงไม่มีใครอยากให้เป็นแบบนี้ แล้วโดยส่วนตัว ตนก็ได้บอกแล้วว่าตนไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ กับแอนนี่ แล้วตนก็ไม่ได้มีการเตี๊ยมใดๆ กับแอนนี่เลย
เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับแอนนี่หรือไม่ จุ๊น-กิตติคุณ กล่าวว่า ตนได้พูดคุยกับแอนนี่ในตอนเช้าเมื่อวาน ซึ่งตนไม่ได้มีเบอร์แอนนี่ แต่เผอิญตอนนั้นตนคุยกับพี่เฮเลนอยู่ แล้วพี่เฮเลนก็โทรเข้ามาหาพี่เอ แล้วเผอิญแอนนี่โทรเข้ามาพอดี ก็เลยได้พูดกัน เพราะความจริงแล้วเราไม่มีอะไรต้องปิดบังอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่สังคมอาจมองจุ๊น-กิตติคุณเป็นแพะรับบาปนั้น จุ๊น-กิตติคุณ กล่าวว่า ไม่เป็นไร เพราะตนไม่สามารถห้ามความคิดของทุกคนได้
เมื่อถามว่า มีข่าวว่ามีคนเสนอเงิน 10 ล้านให้จุ๊น-กิตติคุณ เพื่อให้รับเป็นพ่อของลูกแอนนี่ จุ๊น-กิตติคุณ กล่าวว่า ไม่มีการยื่นเงินและตนไม่ได้รับโทรศัพท์ใดๆ ทั้งสิ้น แต่ผมได้ยินข่าวลือมาเช่นกัน ซึ่งตนอยากบอกว่าครอบครัวตนไม่จำเป็นต้องไปเอาเงินใคร พ่อแม่ตนเลี้ยงดูตนมาด้วยเงินของท่าน เพราะฉะนั้นเงินซื้อครอบครัวตนไม่ได้และไม่มีทางที่จะซื้อคนอย่างตนได้ เมื่อถามว่า จริงหรือไม่ว่ามีการเสนอว่าหากจุ๊น-กิตติคุณออกมารับเรื่องนี้ แล้วจะมีการป้อนงานละครให้ จุ๊น-กิตติคุณ กล่าวว่า คงไม่ใช่
เมื่อถามว่า จะลาออกจากช่อง 3 หรือว่าจะลาออกจากวงการบันเทิงไปเลย จุ๊น-กิตติคุณ กล่าวว่า เอาไว้ค่อยคุยกันดีกว่า ถือเป็นเรื่องของอนาคต จุ๊น-กิตติคุณยังกล่าวถึงกรณีที่เดินทางไปอเมริกาว่า ตนไม่จำเป็นต้องหนี ถ้าตนจะหนี รอให้เด็กคลอดออกมา แล้วอยู่ที่อเมริกาไปเลย 4 -5 ปีไม่ดีกว่าเหรอ ตนจะกลับมาทำไม เพราะฉะนั้นจึงไม่มีสาเหตุที่ตนต้องหนี และถ้าตนทำผิดจริง คงไม่กล้าออกมาพูดกับสื่ออย่างนี้หรอก ตนเพียงไปดูๆ ที่เรียนที่อเมริกามา
เมื่อถามว่า ถ้าทางเฮียฮ้อยังมีการพูดพาดพิงจะทำอย่างไร จุ๊น-กิตติคุณ กล่าวว่า เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ตนของปรึกษาและพูดคุยกับครอบครัวผมก่อน
ด้านทนายความส่วนตัวของจุ๊น-กิตติคุณ กล่าวว่า วันนี้จุ๊นตั้งใจมาแถลงข่าวว่าจะลาออกจากช่อง 3 เท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นๆ เราไม่ประสงค์ทึ่จะตอบคำถามใดๆ เพิ่มเติม หากมีการกล่าวอ้างใดๆ ที่กระทบถึงจุ๊น-กิตติคุณ ทางเราจะขอดำเนินการตามสิทธิเท่าที่เป็นไปได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะฟ้องร้อง แต่เราต้องดูถึงการกล่าวอ้างของผู้ใหญ่ในอนาคต ส่วนสิ่งที่ผ่านมาแล้ว ก็จะปล่อยให้ผ่านไป เราไม่ได้ดำเนินการใดๆ
"แอนนี่"ขอโอกาสทำงานเลี้ยงลูก วอนอย่านำชื่อคนอื่นมาพัวพัน
แอนนี่ บรู๊ค นัดแสดงสาว ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์เข้ามาในรายการ 9 Entertain ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ตอบโต้ "เฮียฮ้อ" สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่และบริหารบริษัทอาร์เอส จำกัด (มหาชน) ที่ออกมาแถลงเมื่อวันที่ 29 กันยายนนี้ว่า "แอนนี่ไม่ใช่ 18 มงกุฏนะ ตอนนี้อากาศจะหายใจ ไม่รู้ว่าได้หายใจเข้าหรือยัง ที่จะยืนยังไม่มีเลย ตอนนี้พูดได้คำเดียวว่าใจสู้ แต่ก็ท้อ หนึ่งสมองสองมือเลี้ยงลูกทุกวัน ไม่เคยคิดแผนการไปนั่งปั่นหัวใคร ทุกคนเป็นผู้ใหญ่หมดเลย เรื่องลุกลามใหญ่โตกลายเป็นอะไรไม่รู้ ถ้าถามว่าหนูมีอะไรกับหลายคนในเวลาเดียว แค่พูดก็รู้สึกแย่แล้ว"
แอนนี่ กล่าวว่า ไม่รู้สึกโกรธที่เฮียอ้อออกมาแถลงข่าว ผู้ใหญ่ก็คือผู้ใหญ่ ให้ความเคารพผู้ใหญ่ทุกท่าน ส่วนจะฟ้องไหม อันนี้ไม่รู้ แต่ก็ไม่อยากมีเรื่องกับใคร
"หนูจะตายไม่เป็นไร แต่ลูกหนูหิวไม่ได้ ให้หนูไปทำงานเหอะ ให้ได้เลี้ยงลูก อย่าให้หนูต้องติดคุกในบ้านอีกเลย ไม่มีใครห้ามออกจากบ้านก็จริง แต่นักข่าวเฝ้าหน้าบ้านทุกวัน รู้ว่าเรื่องนี้ไม่จบ แฮปปี้เอนดิ้งไม่ได้ไม่เป็นไร เชื่อเวลาจะบอกเอง" แอนนี่ กล่าว
แอนนี่ กล่าวต่อว่า "ตอนนี้เพื่อนหนูไม่อยากจะคบกับหนูแล้ว เพราะเอาชื่อเพื่อนไปบอกว่าเป็นพ่อของลูกหนู ขอร้องผ่านรายการตรงนี้เลยว่า อย่าเอาชื่อเพื่อนรอบๆตัวมาพัวพันเลย สงสารเขาเถอะ หนูขอโทษทุกๆคน ที่เรื่องลุกลามใหญ่โต แต่หนูมีจุดยืนแบบนี้ แบบแม่คนนึงที่อยากจะปกป้องลูก
ส่วนเรื่องการตรวจอีเอ็นเอนั้น แอนนี่กล่าวว่า "เรื่องไม่ตรวจดีเอ็นเอได้พูดไปหลายครั้งแล้ว ไม่ต้องอะไรจากใคร จะมาตรวจทำไม ถ้าคิดว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ก็ได้ แต่ทุกอย่างเวลาจะบอกเอง ไม่ต้องการความรับผิดชอบจากฝ่ายไหนทั้งสิ้น ขอแค่ให้หนูได้ทำงานพาลูกไปเที่ยวได้บ้าง จะว่าหนูฝังใจก็ได้ ผู้หญิงทุกคมันเจ็บแล้วจำ ถ้าตรวจเพื่ออะไร เพื่อความสะใจ สบายใจของใครบางคน แต่ผลข้างเคียงในเรื่องกฏหมายมันมากมายเหลือเกิน แต่ไม่มีใครพูด"
ส่วนกรณีที่เฮียฮ้อแฉว่า แอนนี่คบผู้ชายถึง 4 คนในช่วงเวลาเดียวกันนั้น แอนนี่ กล่าวว่า "4-5 ปีนี้ไม่เคยทำอะไรเสียหาย หรือไปทำเจ้าชู้กับใคร คบใครคบจริง เป็นคนรักใครรักนาน ตอนนี้ก็อายุ 30 ปีแล้ว ไม่ใช่ผู้หญิงเวอร์จิ้นแล้ว จะมาตีหน้าใสซื่อมันไม่ใช่ ก่อนหน้าฟิล์มก็เคยมี แต่ว่าเลิกกันไปแล้ว คบที่ละคน"
ด้านแม่ของแอนนี่ที่อยู่ที่ต่างจังหวัด ก็กล่าวว่า "ใครจะดีไม่ดีสังคมจะรู้เอง เป็นห่วงลูกแต่ก็ห่วงหลานมากกว่า ถ้าฟิล์มปัดความรับผิดชอบก็ปล่อยไป ไม่ต้องมายุ่ง ตนเลี้ยงลูกเองได้ ทำไมแอนนี่จะเลี้ยงลูกเองไม่ได้"
"แอนนี่"โต้บิ๊กRSลั่นไม่เคยเรียกรับเงิน ท้าดูสมุดบัญชี วอนหยุดแฉ ซัด"ไม่เห็นค่า-เหยียบย่ำ"ลูกผู้หญิง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แอนนี่ บรู๊ค นักแสดงสาว ได้โฟนอินให้สัมภาษณ์กับรายการ "แฉแต่เช้า" ทางสถานีวิทยุ 94.00 เอฟเอ็มว่า เคยคบกับผู้ชายคนอื่นมากก่อนที่จะคบกับ "ฟิล์ม" รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ แต่ละคนก็ต้องเลิกก่อนถึงจะคบคนอื่นได้ คนที่ทำร้ายร่างกายแอนนี่ยังทนเลย
ส่วนกรณี "จุ๊น" กิตติคุณ สัมฤทธิ์พันธ์สุข นักแสดงหนุ่มยอมรับว่า เคยเห็นมานั่งเล่นที่ชลลัมพีครั้งนึง แต่ไม่เคยคบกันและไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว ตอนนี้สงสารลูกแอนนี่เถอะ แค่นี้จะตายแล้ว จะบอกว่าคนนั้นคนนี้เป็นพ่อ จะหาแพะอะไรหนักหนา
แอนนี่ ยังกล่าวว่า ขอถามหน่อยคนที่ท้องแล้วเนี่ย ยังจะมีหน้าไปมีอะไรกับคนอื่น ยังจะมีอารมณ์เหรอ บ้าหรือเปล่า แอนนี่สติดี ส่วนกรณีเรื่องรับเงิน ก็ขอบอกว่าถ้าแอนนี่บอกคนนั้นคนนี้ว่าท้องแล้วเรียกรับเงินจากเขา อยากจะดูสมุดบัญชีธนาคารกันไหม ทุกวันนี้ตังค์เหลือเท่าไหร่เอง ถ้าจะเรียกรับเงินจริง ตีค่าแค่นี้เองเหรอ เอาเป็นล้านไม่ดีกว่าเหรอ
"อยากจะฝากถึงใครที่พยายามแฉขอให้หยุดเถอะ ตอนนี้กลายเป็นเรื่องสนุกปากไปแล้ว ไม่ได้เห็นค่าของผู้หญิงเลยหรือ หรือว่าสนุกสนานที่ได้เหยียบย่ำลูกผู้หญิง และที่ไม่ตรวจดีเอ็นเอเพราะผลข้างเคียงการการตรวจมีเยอะแยะ และถ้าตรวจแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าจะไม่เอาลูกไป จากนี้ไปจะไม่เชื่อคำสัญญาใครแล้ว" แอนนี่ กล่าว

วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

อึ้ง กบ สุวนันท์ ถูกถอดจาก 07 โชว์


วันนี้ 28 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางเอกคนดัง สุวนันท์ คงยิ่ง เปิดใจกับสื่อมวลชนกลางงานฉลองวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 80 ปี ไพรัช สังวริบุตร ถึงข่าวหลุดเก้าอี้พิธีกรรายการศูนย์เจ็ดโชว์ ทางช่อง 7 ว่าเสียดายไม่น้อย เพราะผูกพันกับกลุ่มพิธีกรที่ทำงานร่วมกันมากว่า 3 ปี

"ทางรายการจะมีการปรับผังรายการใหม่ ซึ่งกบจะอัดเทปอีกแค่เพียงสองเทปเท่านั้น และคิดว่าคงจะไม่เป็นพิธีกรต่อ ตอนนี้ไม่อยากที่จะพูดอะไรมาก รอให้ทางรายการ 07 แถลงเองจะดีกว่าค่ะ"
ส่วนที่มีข่าวว่านางเอกสาวป่วยเป็นโรคทาลัสซีเมียนั้นเจ้าตัวแจ้งว่า ''กบขอแก้ข่าวนิดนึงที่ว่ากบเป็นโรคเลือด จริงๆ แล้วไม่ใช่นะคะ หลายคนตกใจว่ากบเป็นโรคเลือดหรอ เพราะถ้าเป็นโรคนี้เนี่ยก็ต้องดูแลเป็นพิเศษ แต่กบไม่ได้เป็น พี่บรู๊คก็ไม่ได้เป็น ยืนยันค่ะว่าเราสองคนแข็งแรงทั้งคู่'' ดาราสาวกล่าว

ที่มาhttp://news.sanook.com/969590-อึ้ง-กบ-สุวนันท์-ถูกถอดจาก-07-โชว์.html

นุ้ยควงตั๊กโต้เป็นเอดส์ปัดโปรโมทหนัง


"นุ้ย" น้ำตาคลอควง "ตั๊ก" โต้เป็นเอดส์ โชว์ผลตรวจ ปัดโปรโมทหนัง เมินฟ้อง คนปล่อยข่าว
จากกระแสข่าวลือตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 27 ก.ย.ว่า ตลกชื่อดัง นุ้ย เชิญยิ้ม ได้ติดเชื้อ HIV จนเป็นข่าวดังครึกโครม ทำให้ภรรยาสาว ตั๊ก ศิริพร ต้องทำการขอหย่า ล่าสุดตลกชื่อดัง ควงภรรยาสาว พร้อมโชว์ใบผลตรวจเลือดจาก ร.พ.กรุงเทพ มาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว และยอมรับรู้สึกเครียดมาก ตั้งแต่เช้าที่ได้ยินข่าว สงสารลูก ที่จะต้องอายเพื่อน โดย นุ้ย เชิญยิ้ม ได้กล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า มีข่าวลือดังกล่าวออกมาได้อย่างไร ตั๊กกล่าว "เริ่มต้นเลย คือดิฉันและนุ้ยได้ไปบริจาคเลือดที่สภากาชาดทุกเดือนอยู่แล้ว แต่ช่วงนั้น คุณนุ้ย ได้เป็นเริมที่มุมปาก แต่ด้วยความที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ คุณนุ้ย เลยไปด้วย โดยที่ไม่ได้คิดอะไร จากนั้นก็มีจดหมายผลเลือดส่งมาที่บ้านว่า เลือดของคุณนุ้ย ใช้ไม่ได้ เราก็สงสัย ว่าเอ๊ะ เกิดอะไรขึ้น เลยโทรไปที่โรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลเลยบอกให้มาตรวจอีกครั้ง หรือไปที่คลินิคนิรนามก็ได้ แต่ทางเราก็ตัดสินใจ ที่จะไปตรวจที่โรงพยาบาลเอง ผลปรากฏว่า ที่บริจาคเลือดไม่ได้นั้น เป็นเพราะว่า คุณนุ้ย มีเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคเริมอยู่เท่านั้นเอง"
รู้ตัวคนที่ปล่อยข่าวหรือไม่ นุ้ยกล่าว "คือรู้ว่าใครปล่อย ซึ่งก่อนที่จะมีข่าวนี้เราก็บอกเค้าแล้วว่าอย่าทำแบบนี้เลย อย่าโปรโมทแบบนี้มันไม่ดี มันกระทบต่อครอบครัวพี่ สรุปก็คือทางบริษัทหนัง ต้องการที่ปล่อยข่าวเพื่อการโปรโมทหนัง ซึ่งพอมีข่าวแบบนี้มา ทั้งที่เราก็ห้ามแล้ว พี่ก็เลยโทรไปคุยเรียบร้อยแล้ว"
จะเอาฟ้องเลยไหม "ไม่ดีกว่าเราอยู่วงการนี้นะ ให้มันจบๆ ไปเถอะ แต่อย่ามีอีกแล้วกัน พี่สงสารลูก ดีนะที่ตอนนี้เค้าปิดเทอม ถ้าต้องไปโรงเรียน เค้าคงถูกล้อมีพ่อเป็นเอดส์ นี่เป็นใบผลตรวจจาก ร.พ.กรุงเทพ ที่พี่ไปตรวจสุขภาพประจำอยู่แล้ว ผลออกมา เลือดใสไม่มีเชื้ออะไรทั้งนั้น"

ไร้เงา ฟิล์ม แอนนี่ ยันไม่ตรวจ DNA หวั่นถูกแย่งลูก












แอนนี่ บรู๊ค อุ้มลูกชายวัย 3 เดือน น้องฑีฆายุ เตรียมอัดเทปรายการ ตี10 ครั้งแรก!! โดยยอมเปิดใจกับกองทัพสื่อมวลชนนับร้อยก่อนประเดิมอัดรายการ ยืนยัน ไม่ตรวจ DNA แน่นอน! แต่หาก ฟิล์ม รัฐภูมิ จะยื่นต่อศาลเพื่อขอตรวจตนก็จะพึ่งมูลนิธิเพื่อนหญิงเช่นกัน แย้มฝ่ายชายโทรฯหาแค่ครั้งเดียวหลังออกเรื่องเด่นฯ ปัดเตรียมออกพ็อกเก็ตบุ๊คสร้างกระแส พร้อมโต้คำครหาเป็นผู้หญิงมั่ว!! บอกช่วง 4-5 ปีมานี้ไม่เคยคบใครนอกจาก ฟิล์ม คนเดียว ปัดไม่เคยสนิท จุ๊น กิตติคุณ ดาราวิก3 วอนปชช.-สื่อ- เฮียฮ้อ ให้โอกาส ฟิล์ม ทำงานในวงการบันเทิงต่อไป
เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (27 ก.ย.) ดาราสาว แอนนี่ บรู๊ค อุ้มลูกชายวัย 3 เดือน ด.ช.ฑีฆายุ ไปบันทึกเทปรายการ ตี10 โดยมีกระแสข่าวว่า ฟิล์ม กับ คุณแม่ จะย่องมาพบ แอนนี่ ในรายการดังกล่าว แต่สุดท้ายกลับไร้เงาของทั้งคู่ โดย แอนนี่ ยอมเปิดใจถึงประเด็นสุดฮอตเป็นครั้งสุดท้าย วอนทุกคนเห็นใจ ฟิล์ม แต่ตนยืนยัน ไม่ตรวจ DNA แน่นอน !!

ปัจจุบันตัดสินใจยังไง หรือยังยืนยันคำเดิมคือ ไม่ตรวจ DNA ??

"ยืนยันคำเดิมค่ะ ไม่ตรวจแน่นอน"

ฟิล์มบอกว่าติดต่อมาแต่ไม่รับสาย?

"ติดต่อครั้งเดียว 1 มิสคอลเท่านั้นค่ะ"

ทำไมไม่เคลียร์ให้ลงตัว?

"มันเลยจุดนั้นมาแล้วค่ะ"

จะจัดการกับชีวิตยังไงต่อไป?

"ต่อไปก็...ชีวิตต้องเดินหน้าต่อค่ะ หนูมีคนที่ต้องดูแล"

มีข่าวจะออกพ็อกเก็ตบุ๊ค?

"ไม่ทราบค่ะ ยังไม่มีแพลน แต่มีคนติดต่อมา ยังไม่ได้รับปาก วันนี้หนูจะพูดแค่ครั้งเดียว ครั้งสุดท้าย ถ้าต่อไปเราได้เจอกัน หนูขออนุญาตคุยเรื่องอนาคตกันเนอะ"

หลังจากนี้จะรับงานและใช้ชีวิตตามปกติมั้ย?

"ค่ะ หนูต้องดูแลน้องแล้วค่ะ"

ถ้า ฟิล์ม ไปร้องต่อศาลขอตรวจ DNA จะยอมมั้ย?

"อันนี้ต้องให้มูลนิธิเพื่อนหญิงเป็นคนเข้ามาช่วยตัดสินใจกับหนูค่ะ คือหนูไม่ได้ติดต่อไป แต่พี่ๆ เขาเป็นห่วงเราเป็นห่วงน้องค่ะ เขาก็ถามว่าถ้ามีอะไรให้ช่วยเหลือ เขาก็ยินดีและเต็มใจ และพร้อมจะให้ หนูคิดว่ามาถึงตรงนี้แล้วเนี่ย มันไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องนี้ เพราะว่าจริงๆ แล้วเรื่องนี้ถ้าเกิดต้องทำกันถึงขนาดต้องขึ้นโรงขึ้นศาล หนูคิดว่ามันก็ค่อนข้างที่จะเยอะไปสำหรับผู้หญิงคนเดียวหรือเปล่า"

ทางด้าน ฟิล์ม ยืนยันอยากจะตรวจ?

"เพื่ออะไร"

มีข่าวว่า นอกจาก ฟิล์ม มีคนอื่นๆ ในกองละครออกตัวว่าเคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ แอนนี่ ด้วย??

"จริงเหรอคะ หนูยังไม่เคยรู้จักหรือว่ายังไม่เคยคุยเป็นการส่วนตัวกับใครเลย 4-5 ปีมานี้ถ้าพี่ ๆ ติดตามหนูมาตลอด รู้จักหนูมาตลอด แอนนี่ บรู๊ค คนนี้เนี่ย 4-5 ปีมานี้ไม่เคยมีอะไรเสียหาย ตั้งแต่หนูรับบทเป็นตลกหญิง หนูทิ้งความเป็นเซ็กซี่สตาร์ หรือภาพลักษณ์นั้นทั้งสิ้น ขอโทษนะคะอาจจะเป็นคำที่รุนแรงหน่อย ในกมลสันดานหนูไม่เคยเป็นคนที่อยากจะเป็นแบบนั้น แต่หนูจำเป็นต้องทำ เพราะว่าหนูต้องทำมาหาเลี้ยงชีพตัวเอง หนูไม่ใช่คนสวย หนูเลือกงานไม่ได้

(มั่นใจแน่นอนว่าตลอด 2-3 มานี้เราคบหา ฟิล์ม คนเดียว?) ค่ะ (เคยโทรศัพท์หรือพูดกับคนอื่นๆ มั้ยว่า ใครเป็นพ่อของเด็กคนนี้?) ไม่มีค่ะ"

กับ จุ๊น กิตติคุณ ดาราช่อง 3 ล่ะ?

"เขาเป็นดาราใช่มั้ยคะ ก็รู้จักว่าเขาเป็นดาราคนหนึ่ง ไม่ได้สนิท เคยเห็นเขามานั่งเล่นที่ ชลลัมพี ครั้งนึง ตอนที่หนูไปทำงานให้ที่นี่ค่ะ."

ประเด็นคือคนมองว่า แอนนี่ คบผู้ชายหลายคน แล้วก็การมีลูกอาจจะไม่ใช่ ฟิล์ม ก็ได้?

"เมื่อวานก็คืออดีตป่าวค่ะพี่ 4-5 ปีที่แล้วก็คืออดีต"

แสดงว่ายอมรับว่าเป็นความจริง?

"ไม่ได้ยอมรับว่าเคยเป็น แต่หนูคบใครบ้าง ๆ ถ้าแค่เป็นข่าวซุบซิบกัน ถ้าคิดว่าเป็นเรื่องจริง ป่านนี้คนทั้งบ้านทั้งเมืองก็คงจะมีแฟนกันเยอะมากค่ะพี่ คงไม่ใช่หนูคนเดียว"

มีกระแสข่าวว่าสาเหตุที่แอนนี่ไม่ยอมตรวจ DNA เพราะคิดว่า ตรวจหรือไม่ตรวจก็มีผลเท่ากัน เพราะทุกอย่างเป็นการวางแผนมาตั้งแต่ต้นแล้ว อันนี้จริงมั้ย??

"หนูไม่ทราบค่ะ เพราะวันนึงที่หนูอ่อนแอมากที่สุด วันนึงที่หนูต้องการสิ่งหนึ่งมากที่สุด แต่ไม่มี แต่ไม่ให้หนู วันนี้หนูแข็งแรงแล้ว หนูเข้มแข็งแล้ว หนูไม่ต้องการอะไรจากใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ความรับผิดชอบ การดูแล คือหนูแข็งแรงพอที่จะยืนบนขาของตัวเองแล้วก็ดูแลน้องได้ เพราะฉะนั้นผลมันจะออกมาเป็นยังไงค่ามันก็เท่ากัน ไม่มีความจำเป็นแล้วค่ะ"

ทุกวันนี้เก็บตัวอยู่ในคอนโดไม่ออกไปไหน ชีวิตยากลำบากกว่าเดิมมั้ย?

"เหมือนเดิมเลยค่ะ เหมือนปีนึงที่ผ่านมาที่หนูติดคุกที่เรียกว่าบ้าน เหมือนเดิมเลย เพราะฉะนั้นที่หนูมาออกรายการ ตี10 วันนี้เพื่อเคลียร์ให้ทุกคนเข้าใจ และขอโอกาสสังคมให้หนูได้กลับไปใช้ชีวิตข้างนอกคุกที่เรียกว่า บ้าน บ้างน่ะค่ะ หนูอยากพาลูกออกไปสูดอากาศที่ไม่ใช่พัดลมบ้าง"

ทาง เวิร์กพ้อยท์ฯ ได้ยื่นข้อเสนออะไรมาให้บ้างมั้ย??

"ที่เวิร์กพ้อยท์ฯ ทุกคนก็ใจดีค่ะ เหมือนเดิมค่ะ ไม่ได้ยื่นข้อเสนอที่ใหม่ หรือเอาใจอะไรเป็นพิเศษ หรือใดๆ ทั้งสิ้น รักกันมายังไงก็ยังรักกันเหมือนเดิมค่ะ ตอนนี้ก็พร้อมจะกลับไปทำงานแล้ว เพราะ 1 ปีที่ผ่านมาหนูไม่ได้ทำงาน ไม่มีรายได้เข้ามาเลยค่ะ หนูกินเงินเก็บจากละคร 2 เรื่องที่ถ่ายทิ้งไว้ตลอดเวลาเลย ตอนนี้หนูต้องทำงานได้แล้วค่ะ (มีงานอะไรติดต่อมามั้ย?) สองอาทิตย์ที่เกิดเรื่องมานี้ยังไม่เคยมีอะไรติดต่อมาเลย แล้วหนูก็ยังไม่เคยได้รับเงินจากใครซักสลึงแดงเดียวเลยค่ะ (อาร์เอสฯติดต่อมามั้ย?) ก็...ไม่มีค่ะ อาร์เอสฯไม่มีติดต่อมาค่ะ ขอโอกาสหนูทำงานเถอะค่ะ หนูไม่ได้ทำงานมาเป็นปีแล้วค่ะ ขอโอกาสหนูได้ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์บ้าง หนูก็เป็นผู้หญิงคนนึง ท้องหนูก็ไม่ได้กินอะไรที่หนูอยากกิน ไม่ได้ไปไหนที่หนูอยากไป ขอหนูไปบ้างเถอะ (ทำงานแล้วใครเลี้ยงลูก?) ก็เดี๋ยวให้ที่บ้านมาช่วย คุณแม่ค่ะ หรือว่าพี่ๆ อยากจะช่วยหนู (หัวเราะ)"

คุณแม่ที่ลำปางเป็นยังไงบ้าง มีข่าวว่าทรุดหนักเหมือนกัน??

"เครียดมากค่ะ คือพี่คะ...คนเป็นแม่น่ะ หนูเป็นแม่แล้วหนูรู้สึกหนูรู้ ยิ่งเป็นแม่ของผู้หญิงด้วย ลูกสาวท้องไม่มีพ่อ แค่นี้ก็เครียดจะแย่อยู่แล้ว แล้วชีวิตชาวบ้านธรรมดา โดนตามซะขนาดนั้นน่ะจะอยู่ยังไง จะกินยังไง คนโน้นคนนี้ว่าลูกสาวตัวเองไม่ดี ว่าลูกสาวอย่างโน้นอย่างนี้ ทั้งๆ ที่แม่ก็รู้ดีว่าลูกสาวเป็นคนยังไง แกจะรู้สึกยังไง แกกินไม่ได้นอนไม่หลับ ร่างกายก็ยิ่งไม่แข็งแรงอยู่ สิ่งที่กลัวมากที่สุดคือหลานจะอยู่ยังไง แล้วเราจะต้องทำงานเลี้ยงแม่ หนูก็เป็นเสาหลักของครอบครัว หนูดูแลแม่มาตั้งแต่หนูอายุเท่าไหร่เอง หนูทำงานมาตั้งเท่าไหร่ แม่ไม่มีหนูแม่ก็แย่ แล้วตอนนี้หนูมีน้องด้วย หนูต้องดูแลทั้งแม่ทั้งลูก"

การไม่ตรวจ DNA ทำให้ ฟิล์ม หมดอนาคตไปเลย มองว่าใจร้ายเกินไปมั้ย??

"ก็อย่างที่หนูบอก วันนี้จริงๆ แล้วหนึ่งปีที่ผ่านมาน่าจะพิสูจน์อะไรได้ไม่มากก็น้อย ว่าหนูไม่มีเจตนาที่จะทำร้าย แต่บางคนกลับมองว่าการที่หนูออกมาพูดวันนี้คือการที่หนูทำร้ายเขาแล้ว หนูก็ยอมรับในส่วนหนึ่งว่าที่หนูพูดมันคือความจริง ความจริงมันทำร้ายหนูแล้วถ้าเกิดเราปฏิเสธหรือโกหก...ความจริงจะทำร้ายเราเอง แต่ถามว่าตั้งใจมั้ย ต้องการมั้ย ไม่เคยมีความต้องการหรือตั้งใจใดๆ ทั้งสิ้น หนึ่งปีที่ผ่านมาน่าจะพิสูจน์ได้แล้ว ถ้าวันนี้เรื่องนี้ไม่เกิดขึ้นหนูไม่รู้เลยว่าอีกกี่ปีหรือตลอดชีวิตหนู หนูจะต้องปิดอย่างนี้ไปตลอดชีวิต เพราะหนูสัญญากับเขาไว้ว่าหนูจะปิด แล้วหนูคงจะไม่มีวันที่หนูจะอุ้มลูกไปไหนมาไหนได้ หนูคงไม่มีวันที่หนูจะไปรับลูกหนูจากโรงเรียน หนูคงไม่มีวันจะพาลูกไปสวนสัตว์ หรือไปเดินเล่นกินไอติมเหมือนคนอื่น จนถึงเมื่อไหร่หนูก็ไม่รู้"

"แต่วันนี้ในเมื่อมันเกิดเรื่องขึ้นมาแล้วเนี่ย หนูก็อยากวอนและขอแทนฟิล์มด้วยว่า ทุกคนทำผิดพลาดกันได้ ณ วันนี้หนูก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้เป็นถึงขนาดนี้ เรื่องมันถึงได้ยาวมาถึงขนาดนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ดีอย่างไรก็ตาม หนูอยากจะให้ทุกคน ทั้งพี่ๆ สื่อมวลชนแล้วก็เฮียด้วย ให้โอกาสฟิล์มด้วย เพราะว่าฟิล์มเขาเป็นคนดี แล้วก็เลี้ยงครอบครัวเหมือนหนู แต่ ณ วันนี้เรื่องมันเข้าใจผิดมาถึงขนาดนี้ อาจจะเป็นด้วยเรื่องของคนสองคนที่ไม่สามารถจะอยู่ด้วยกันหรือรักกันได้ แต่ว่าพอมันเลยจุดความรับผิดชอบมาแล้ว แล้วหนูเข้มแข็งและไม่ต้องการแล้ว หนูก็ยืนยันที่จะเป็นแบบนี้ ก็อาจจะดูใจร้ายแต่ก็ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้อยู่แล้ว"

อะไรเป็นจุดที่ทำออกมายอมรับว่า ลูกแอนนี่ เป็น ลูกฟิล์ม ??

"หนูเคยคิดนะคะว่า ถ้าวันใดวันนึงเรื่องแดงขึ้นมา หนูจะบอกว่านาย ก. นาย ข. เป็นพ่อ หนูเคยคิดนะ แล้วก็เคยพูดกับเขา ใครไม่รู้ แต่ถ้าเกิดว่าพี่ๆ เกิดไปรู้อะไรขึ้นมาแล้วมาถามหนู แล้วความจริงมันกลับมาฆ่าหนูล่ะ หนูไม่ตายเหรอ แสดงว่าเป็นคนที่โกหกสื่อมวลชน โกหกทุกคน อย่างนี้เหรอ แล้วอีกอย่างนึง ลูกหนูโตมาเขาต้องรู้ว่าพ่อเป็นใคร ไม่จำเป็นต้องมีความรับผิดชอบร่วมกัน หรืออยู่ด้วยกันก็ได้"

แต่ถ้าไม่ตรวจ DNA ลูกก็จะไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ??

"ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้วันหน้าหนูคิดว่าหนูตอบคำถามลูกได้ ....

หลังให้สัมภาษณ์กับพี่ๆ สื่อมวลชนนานร่วมครึ่งชั่งโมงกว่า ดาราสาว แอนนี่ บรู๊ค ก็อัดรายการ ตี10 ช่วงสนทนา ต่อทันที โดยมีพิธีกรรุ่นเก๋า วิทวัส สุนทรวิเนตร เป็นผู้ดำเนินรายการ ได้เปิดฉากถามต่อทันทีว่า...ทำไมถึงไม่ตรวจDNA??

"จริงๆ คำถามนี้หนูอยากให้เป็นคำถามสุดท้าย ก็คือที่หนูบอกไปว่า ณ วันนี้หนูไม่ต้องการใครมารับผิดชอบในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม หนูไม่ได้ต้องการเงินทองจากใครทั้งนั้น หนูไม่ต้องการใครมาเป็นพ่อของลูกหนูทั้งนั้น หนูเป็นพ่อเป็นแม่คนเดียวได้ แล้วก็...ที่สำคัญก็คือว่า การตรวจ DNA มีผลข้างเคียงซึ่งคนอื่นก็ไม่รู้ อาจจะลืมกันไป ประชาชนทุกคนอยากจะรู้เพื่อความสบายใจ เพื่อความสะใจ หรืออะไรก็แล้วแต่

ผลข้างเคียงของการตรวจ DNA คืออะไร?

"อ่อ ว่าใช่หรือไม่ใช่อย่างนั้นน่ะค่ะ แต่ว่าผลข้างเคียงของการตรวจ DNA มันมี เมื่อพ่อซึ่งเราไม่รู้...อันนี้หนูพูดถึงโดยทั่วไปนะคะ ไม่ได้หมายถึงหนูนะ ก็คือไม่รู้ว่าเขารักลูกเราหรือเปล่า แล้วก็เขามามีสิทธิ์ในตัวลูกของเราเต็ม 100% แต่ถ้าเกิดเราไม่มีความสามารถมากพอในการเลี้ยงลูก เช่น ถ้าเกิดว่าแม่ คือหนูก็ไม่ใช่คนรวย ไม่ได้มีเงินมากพอ ทุกวันนี้หนูก็ทำมาหากินไปเรื่อยๆ หรือคนอาจจะมองว่าผู้หญิงเป็นคนไม่ดีพอ ไม่สามารถจะดูแลเลี้ยงดูลูกได้ เราเสียลูกไปแน่นอน"

แต่สิ่งที่คาใจคนทั้งประเทศก็คือว่า พอไม่ตรวจ ผลที่มันจะเกิดขึ้นทันตาเห็นก็คือมีผลต่องานของ ฟิล์ม??

"หนูเชื่อว่าผู้ใหญ่ต้องให้โอกาสเขา แต่ก็อย่างที่หนูบอก ถ้าหนูถามเขาในใจเนี่ยเขาเองคิดว่าใช่มั้ย...ใช่มั้ย

ในใบเกิดแจ้งชื่อพ่อมั้ย? ไม่มีชื่อค่ะ ไม่มีชื่อคุณพ่อค่ะ ไม่มีใครเป็นค่ะ ทิ้งว่างไว้ได้ ไม่ทราบนาม

ขอขอบคุณ :
กอซซิปสตาร์
ผู้สนับสนุนเนื้อหา
ที่มาhttp://news.sanook.com/969581-ไร้เงา-ฟิล์ม-แอนนี่-ยันไม่ตรวจ-dna-หวั่นถูกแย่งลูก1.html

วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2553

'เจ๊เบียบ' ซัด ชายเลว-หญิงฟรีเลิฟ แนะพูดคุยส่วนตัว





มือที่ 3 อย่ายุ่ง ระเบียบรัตน์ จวกแหลก “ฟิล์ม” ไม่แมน ไม่รับผิดชอบ หวั่นสื่อประโคมข่าวทับแล้วท้องไม่รับกระตุ้นวัยรุ่นไทยเป็นสังคม“ฟรีเลิฟ” ชี้ผู้ชายแบบนี้ไม่เหมาะจะเป็นสามีใคร....

ไม่มีทีท่าว่าจะจบ กรณี “ลูกใครหว่า”...ระหว่าง คู่กรณี แอนนี่ บรู๊ค กับ ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ล่าสุด ทางทีวีคนใกล้ชิดกับฝ่ายชายได้ออกมาเปิดข้อมูลใหม่ว่า ฟิล์มบอกว่าแอนนี่ทำหมันแล้วไม่ต้องใส่ถุงยางให้เสร็จกิจภายในได้เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์รุนแรง

ร้อนถึง นางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช นายกสมาคมเสริมสร้างความครัวให้อบอุ่นและเป็นสุข ออกมาเตือนสติภายหลังประเด็น ระหว่างแอนนี่ บรู๊ค กับ ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ เริ่มร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านไทยรัฐออนไลน์ว่า ก่อนจะพูดเรื่องอะไรก็ต้องชมเฮียฮ้อที่ออกมาพูดด้วยความสุขุม และมีเหตุผลเหมาะจะเป็นหัวหน้าคนมากๆ และกล่าวว่าทั้งหมดเป็นเรื่องของคน 2 คน ดังนั้นคนที่เป็นมือที่ 3 -4 ออกมาให้สัมภาษณ์ไม่ควรต่อแย แม้ว่าก่อนหน้านี้คนๆ นั้นจะเป็นผู้จัดการหรือว่าเป็นผู้สร้างฟิล์มก็ตามคุณไม่สิทธิ์ไปบอกว่าผู้ชายเล่าให้ฟังว่าผู้หญิงบอกให้คุณไม่ต้องใส่ถุงยางหรือไม่ใส่ พูดแบบนี้แทนที่ฟิล์มจะดีขึ้นกลับเลวลงยิ่งกว่าเดิม

“ในรายการทีวีเห็นใครสักคนออกมาให้สัมภาษณ์เรื่องนี้บอกว่า ฟิล์มเล่าว่าแอนนี่บอกว่าไม่ต้องใส่ถุงให้แตกในได้เลย โอ้โห คนที่พูดแบบ เลวมาก เอาเรื่องคนอื่นมาพูดจริงไม่จริงไม่รู้ ปัจจุบันพฤติกรรมผู้ชายในสังคมไทยได้เปรียบผู้หญิงอยู่แล้ว ทั้งหมดเป็นเรื่องของ 2 คน ผิด-ถูกเรื่องของเขา คนอื่นไม่เกี่ยว”

ในฐานะที่เป็นคนทำงานให้สังคมวันนี้ บอกเลยว่าทั้งหมดมันสะท้อนว่าสังคมไทย โดยเฉพาะวัยรุ่นเป็นสังคม “เพศเสรี” อย่างเต็มตัว คือ อยู่ กิน นอนกันก่อนแต่ง แตกต่างจากสมัยก่อนที่คำว่า“แฟน” ก็เป็น “แฟน”กันจริงๆ ไม่มีอะไรกัน แต่เดี๋ยวนี้แย่กินนอน ด้วยกันหมดแล้ว


“เรื่องฟิล์มกับแอนนี่ที่แดงออกมา วันนี้ถือเป็นเป็นบทเรียนล้ำค่า โดยเฉพาะผู้หญิงที่จะต้องเจ็บปวดหนักหนาสาหัสตรงที่ผู้ชายบอกว่าให้ไปตรวจ “ดีเอ็นเอ” และถ้าดีเอ็นเอเป็นลูกของเขาจริงก็จะรับ ซึ่งฟิล์มพูดแบบนี้เหมือนเป็นการตบหน้าผู้หญิงอย่างแรงมาก แม้ว่าเขาจะมีชื่อเสียง การมีชื่อเสียงของเขาทำให้ผู้หญิงรุมล้อม อยากหลับนอนด้วยแต่จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ เมื่อพลาดพลั้งขึ้นมาสิ่งที่ดีที่สุดก็คือการนิ่ง และควรจะคุยเป็นเรื่องส่วนตัว เชื่อว่าก่อนหน้าที่แอนนี่จะมาเป็นข่าวออกรายการทางช่อง 3 ทั้ง 2 ฝ่ายน่าจะพูดจากันแล้ว แต่ผู้ชายไม่รับผิดชอบ”
อย่างไรก็ดี เรื่องทั้งหลายไม่มีใครอยากให้เกิด ถามว่าใครผิด เชื่อว่า ผิดทั้งคู่เพราะว่า ทั้งคู่ถือเรื่องมี “เพศเสรี” เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องสำหรับสังคมไทยของเรา

“จากที่ดูมาผู้หญิงก็มีแม่อยู่ต่างจังหวัดต้องดูแลตัวเอง แล้วก็เกิด “ฟรีเลิฟ” ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่เมื่อมันเกิดกรณีนี้ขึ้นมาแล้วเราจะทำอย่างไรให้มันดีที่สุด เมื่อเกิดพลาดขึ้นมาแล้ว มีเด็กออกมาจะด้วยตั้งใจหรือไม่ แต่แม่เขาก็ลุกขึ้นมาปกป้องลูก แต่คนเป็นพ่อกลับไม่รับผิดชอบ ลูกผู้ชายมันต้องมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ทำแบบนี้หน้าตัวเมียพี่แดงเกลียดมากวันนี้เรามีผู้ชายเลวๆเยอะ”

เมื่อถามว่าภาพภายนอกก่อนหน้านี้ฟิล์มถือว่าเป็นแบบอย่างของวัยรุ่นของสังคมไทย การกระทำแบบนี้มันจะทำให้เด็กวัยรุ่นเลียนแบบหรือไม่

“คำว่าคนดีหรือไม่ดีมันกินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง อย่างไรเสียผู้ชายก็ได้เปรียบผู้หญิงวันยังค่ำ ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้มันจะเป็นอุธาหรณ์ให้กับคนที่มีชื่อเสียงและบุคคลสาธารณะต้องระวังตัวเองมากขึ้น ไม่ใช่ว่าอยากจะทำอะไรกับใครก็ทำได้ พอเกิดเรื่องแล้วมันไม่คุ้ม”

นายกสมาคมเสริมสร้างความครัวให้อบอุ่นและเป็นสุข ฝากข้อความไปถึง “ฟิล์ม” ว่า อยากให้ฟิล์มไปขอโทษผู้หญิง แล้วก็ต้องมีความรับผิดชอบเพราะลูกเขาเกิดมาแล้ว เขาบริสุทธิ์ อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าเขามีพ่อที่จะต้องรับผิดชอบ ฟิล์มอาจจะไม่ใช้ชีวิตคู่กับแอนนี่ก็สุดแล้วแต่ แต่ฟิล์มต้องมีความเป็นลูกผู้ชาย ถ้าฟิล์มพูดว่าไม่แน่ใจว่าลูกคนนี้เป็นลูกฟิล์มหรือเปล่า ต้องไปตรวจดีเอ็นเอถึงจะต้องยอมรับ พี่แดงคิดว่าฟิล์มอาจจะพูดถึงในขั้นหลักการ แต่ฟิล์มดูถูกผู้หญิงมากเกินไปแล้ว ถ้าพี่เป็นผู้หญิงพี่จะไม่รับผู้ชายคนนี้เป็นสามีเด็ดขาด แม้ว่าคุณจะทำมาหากินได้ รูปหล่อหน้าตาดีมีชื่อเสียงแต่คุณไม่มีจิตสำนึกที่จะรับผิดชอบ ถ้าเป็นพี่แดงผู้ชายคนนี้ไม่มีสิทธิเป็นสามีพี่หรือใครๆ เพราะว่าเขาดูถูกผู้หญิง

"ส่วนสิ่งที่อยากฝากไปยังแอนนี่ ก็คือนี่คือบทเรียนที่ล้ำค่า อย่างไรเสียเป็นผู้หญิงต้องดูว่าผู้ชายเขาอยากจะมีเพศสัมพันธ์กับเรา ทั้งหมดไม่ใช่เกิดจากความรัก ยิ่งเขาโดดเด่นมีชื่อเสียงเขาทำลายผู้หญิงเป็นผักเป็นปลาได้ง่ายมาก มันจึงมีข่าวเรื่อยว่านักร้องวงดังคนนั้นคนนี้ไปทำคนท้องเพราะฉะนั้น เมื่อพลาดเอาคืนไม่ได้ ก็ต้องเป็นแม่ที่ดีที่สุด บทเรียนครั้งนี้ก็เป็นบทเรียนให้กับวัยรุ่นผู้หญิง ได้ตระหนักถ้าเราง่ายแล้วเราก็ถูกทิ้งง่ายแล้วเราก็ไม่มีคุณค่า แล้วยังมาดูถูกเราอีกว่าลูกเขาเปล่าไปนอนกับใครมาหรือเปล่า ดีเอ็นเอ ถ้าเป็นพี่แดงแม้เงินบาทเดียวพี่ก็ยังไม่เอาจากมัน ผู้ชายคนนี้"

สุดท้าย นักเคลื่อนไหวสำหรับสิทธิสตรีกล่าวทิ้งท้ายไปยังสังคมไทยว่าในกรณีนี้ เราอาจจะรักใครสักคนหนึ่ง แต่ความรักมันต้องดูพื้นฐาน ของความเป็นไปได้และใช้เวลาเป็นเครื่องตัดสิน ถ้าเราใจเร็วด่วนได้ คุณค่าของเราก็จะหมดไปเร็วด้วย ลูกผู้หญิงต้องมีศักดิ์ศรี อยากจะมีเพศสัมพันธ์กับเขาให้ค่าเขา มันก็จะเจ็บปวด

“แต่สิ่งที่อยากจะชื่นชมก็คือ แอนนี่ถือว่ายังรับผิดชอบลูก ไม่ทำแท้ง ขอเป็นกำลังใจให้กับแอนนี่ให้เลี้ยงลูกให้ดี มีคุณภาพ ให้ลูกได้รู้ว่าคุณมีพ่อเป็นคนๆ นี้ แต่ไม่จำเป็นต้องให้เขารับผิดชอบ เพราะเขาปฏิเสธความรับผิดชอบแล้วอย่าไปสนใจผู้ชายแบบนี้เลย” ระเบียบรัตน์กล่าวด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์

ที่มาhttp://entertain.teenee.com/thaistar/59577.html

ดุสิตโพลเผยผลสำรวจ ปชช.ไม่เชื่อคำพูดฟิล์มแอนนี่





ดุสิตโพลเผย ปชช.หนุนฟิล์ม-แอนนี่ตรวจDNA
สวนดุสิตโพลเผยประชาชน หนุนฟิล์ม-แอนนี่ตรวจดีเอ็นเอพิสูจน์ความจริงยุติปัญหาเด็กลูกใคร ส่วนใหญ่ต่างรู้สึกเห็นใจสงสารคนทั้งคู่
สวนดุสิตโพล เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน จำนวน 1,276 คน ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เมื่อระหว่างวันที่ 20-23 ก.ย.53 กรณีความสัมพันธ์ระหว่างนักร้องดัง ฟิล์ม รัฐภูมิ กับ แอนนี่ บรู๊ค ดาราสาว ที่คลอดลูกชาย อายุกว่า3 เดือน โดยประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ74.75 สนับสนุนให้มีการตรวจดีเอ็นเอ เพื่อพิสูจน์ความเป็นพ่อของฟิล์ม และเป็นธรรมทั้ง2ฝ่าย และร้อยละ62.12 เห็นว่าการตรวจดีเอ็นเอ ถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดอย่างไรก็ตาม ประชาชนผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อยละ55.17 รู้สึกสงสารและเห็นใจทั้งสองฝ่าย ขณะที่ร้อยละ24.89รู้สึกเห็นใจแอนนี่มากกว่า มีเพียงร้อยละ10.75 ที่เห็นใจฟิล์ม ซึ่งร้อยละ29.61 เรียกร้องให้ทั้งคู่ออกมาพูดความจริงเพื่อช่วยกันทางแก้ไข เนื่องจากร้อยละ69.16 ต่างไม่เชื่อการออกมาให้ข่าวของทั้ง2ฝ่ายทั้งนี้ ประชาชน ร้อยละ62.07 เห็นว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาสื่อมวลชน นำเสนอข่าวนี้มากเกินไป ถึงสองคนนี้จะเป็นดารา แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ขณะที่ ร้อยละ32.18 เห็นว่าสื่อนำเสนอข่าวเหมาะสมแล้ว เพราะถือว่าทั้งสองคนเป็นบุคคลสาธารณะ ที่เยาวชน หรือเด็กมักทำตาม และร้อยละ36.64 เห็นว่าสังคมได้รับบทเรียนจากเรื่องของฟิล์มกับแอนนี่ว่า หากทำอะไรต้องคิดให้รอบคอบ คำนึงถึงผลที่จะตามมาว่าคุ้มกันหรือไม่
ที่มาhttp://entertain.teenee.com/thaistar/59663.html

ชัดกระแทกใจ จากเสี่ยอู๊ด ถึง ฟิล์ม




คมชัดลึก : นายสุทธิกร บุญฉิม หรือเสี่ยอู๊ด ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันในแวดวงบันเทิงว่า คือผู้อุปถัมภ์ค้ำชู "ฟิล์ม" รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ได้แสดงความคิดเห็นกรณีฟิล์มกับแอนนี่ บรู๊ค ผ่านพนักงานบริษัทที่ไปเยี่ยมในเรือนจำเมื่อวันที่ 22 กันยายน ที่ผ่านมา ดังที่ "คม ชัด ลึก" นำเสนอรายละเอียดต่อไปนี้ตั้งแต่เกิดข่าวของฟิล์ม ผมรับทราบจากทางทีวีทุกวัน คนต่างแสดงความคิดเห็นมากมาย มีสื่อมวลชนหลายแขนงที่รู้จักพยายามติดต่อขอเข้าเยี่ยมผมเพื่อสัมภาษณ์ ทำให้ผมนึกถึงคำพูดของวูดดี้ และคุณเต๋า ทีวีพูลทูไนท์ว่า ถ้าฟิล์มเกิดเรื่องราวเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมาอีก พี่อู๊ดคือหนึ่งในแหล่งข่าวที่ต้องมาสัมภาษณ์ แต่ผมเองกลับเฉยๆ เพราะรู้อยู่แล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นกระแส เป็นการขายข่าว เป็นการชิงดีสร้างภาพลักษณ์ของกันและกัน มีหลายสื่อต้องการขอข่าวจากผม แต่ผมปฏิเสธทุกสื่อ เพราะไม่อยากไปเกี่ยวข้อง แต่ยิ่งนานวันข่าวกลับไม่จบผมจึงต้องแสดงความคิดเห็นผ่าน "คม ชัด ลึก" ฉบับเดียวว่า งานนี้ต่างฝ่ายต่างพูดแต่สิ่งที่ตนเองดี โดยโจมตีคนอื่น เรื่องที่ฟิล์มมีลูกเป็นเรื่องปกติของคนทั่วไป เป็นเรื่องของธรรมชาติ การมีลูกเป็นภาระอันยิ่งใหญ่ของความเป็นมนุษย์ ทุกวันนี้สังคมเสื่อมทรามย่ำแย่ ไม่ใช่เป็นเพราะสังคมหรอกครับ เป็นเพราะมนุษย์นี่แหละ คนเกิดมาทุกนาทีไม่มีการอบรมเลี้ยงดูที่ดี เป็นเพราะผู้เป็นพ่อแม่ไม่รู้วิธีการเลี้ยงดูที่ดี ขนาดคนปกติทั่วไปมีความรับผิดชอบเลี้ยงดูลูก แต่ไม่รู้จักการสั่งสอน ลูกจึงเป็นภาระของสังคม แต่กรณีฟิล์ม ถ้าเป็นพ่อ แล้วผู้เป็นพ่อยังไม่รับผิดชอบต่อลูกในไส้ของตน อย่าไปนับประสาอะไรกับการเลี้ยงดูให้เป็นคนดีของสังคมในอนาคตเลย เรื่องนี้เป็นภาวะของคนที่มีความรับผิดชอบถ้าเป็นผมให้คำแนะนำแก่ฟิล์ม จะให้ยืดอกประกาศรับเลยว่า เนี่ยคือลูกของผม สังคมก็ไม่ประณาม ส่วนจะใช่ลูกในไส้หรือไม่วันหลังค่อยมาตรวจดีเอ็นเอ ถ้าปรากฏไม่ใช่ลูกของฟิล์มจริง คนที่ต้องตายทั้งเป็นคือแอนนี่ แต่นี่อะไรเหมือนเกลียดตัวกินไข่ ผู้หญิงตั้งท้องแล้ว ปากฟิล์มบอกว่า ส่งเสียเลี้ยงดูแต่ทำไมไม่กล้าที่จะยืดอกยอมรับ ทำเหมือนแทงกั๊ก เด็กคนจะเป็นลูกใครไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า เราต้องการทำความถูกต้อง หรือต้องการทำความดีกันแน่ ถ้าต้องการทำความดี คือดีในมุมของฟิล์ม ก็ต้องทำสารพัดเพื่อรักษาภาพลักษณ์ปกป้องสถานภาพโดยไม่คำนึงถึงศีลธรรม คุณธรรม ถ้าต้องการความถูกต้องก็ไม่จำเป็นต้องรู้ผลว่าเป็นลูกของเราหรือไม่ ประเด็นอยู่ที่ว่า เราอยากรับเป็นลูกไหม ถ้าอยากรับ ก็รับเลย จะเป็นลูกโดยสายเลือดหรือเป็นลูกบุญธรรม มันก็เป็นลูกทั้งนั้น ยิ่งถ้าหาพ่อตัวจริงไม่ได้ ฟิล์มก็รับไว้สิ เราจะได้เป็นพ่อพระ ตอนนี้เหมือนกับฟิล์ม 1.เห็นแก่ตัวเอาเปรียบผู้หญิง คือมีความสัมพันธ์แล้วไม่รับผิดชอบ 2.เห็นแก่ได้ คือ มีความสัมพันธ์แล้วยังย่ำยีผู้หญิง คือตั้งท้องมีลูกกลับจะขอตรวจดีเอ็นเอ เหมือนกำลังจะประณามผู้หญิง และ 3.ไม่มีน้ำใจ คือไม่ถนอมความรู้สึกผู้หญิง โดยการไม่รับผิดชอบในสถานภาพของผู้หญิง และของเด็กที่เกิดมา ก็คือปฏิเสธนั่นเอง

งานนี้แอนนี่อุ้มลูก 3 เดือน มาเรียกร้องขอความเป็นธรรมเพื่อหาคนที่เป็นพ่อ แต่คนที่เป็นพ่อตามที่ผู้หญิงกล่าวอ้างนั้น ต้องการให้ตรวจดีเอ็นเอเด็ก สมมติกลับกัน ถ้าผู้หญิงที่อุ้มท้องเด็ก 3 เดือนมา เป็นคนอื่นที่ฟิล์มรัก ฟิล์มจะประกาศผ่านสื่อขอตรวจดีเอ็นเอลูกของหญิงคนนั้นหรือไม่งานนี้ทำให้เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีแก่สังคม มาจากบุคคลที่ขาดการรับผิดชอบ เป็นแม่แบบให้ฟิล์ม และคอยให้ท้ายในการทำความผิด ให้เป็นความถูก คนดังกล่าวก็มี1.ครอบครัวของฟิล์ม ที่ควรจะจัดการกับพฤติกรรมของลูกตั้งแต่เด็กยังไม่คลอด แต่กลับปล่อยไว้จนปัญหาบานปลาย และฟิล์มก็แก้ปัญหาตัวเองแบบอย่างไม่ถูกต้อง2.เฮียฮ้อ เป็นผู้ใหญ่ต้นสังกัดที่ได้ประโยชน์ในตัวของฟิล์ม การพูดอะไร แน่นอน ไม่มีความเป็นกลาง แต่ที่พูดผ่านสื่อ ฟังดูเหมือนดี แต่สุดท้ายก็มีแนวทางเดียวกันกับฟิล์ม เรื่องนี้เฮียฮ้อกำลังทำตัวเป็นผู้พิพากษา สั่งให้ผู้หญิงไปทำความกระจ่าง โดยไม่คำนึงถึงผลที่เด็กจะได้รับในอนาคตว่า แม่ของเขาตอนที่เกิดมาใหม่ๆ มีแต่คนเหยียดหยามดูถูก เฮียฮ้อออกมาพูดแบบนี้ แลดูว่าดี แต่ก็ทำไม่ดีในมุมมองของฝ่ายหญิง เรื่องของครอบครัว สามีภรรยา คนอื่นไม่มีสิทธิ์ไปก้าวล่วง แกมบังคับ ให้เขาตรวจหรือไม่ตรวจดีเอ็นเอ ประเด็นมันอยู่ที่ความรับผิดชอบของฟิล์มต่างหาก3.สื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวก็ยึดที่ผลประโยชน์และอิทธิพล ตอนนี้ผู้ใหญ่ของฟิล์มประกาศออกมาเต็มตัว เพื่อช่วยฟิล์ม หรือบางสื่อคำนึงถึงเรื่องขายข่าวเอากระแส จนลืมความเปราะบางตามความรู้สึก และปมปัญหาให้เด็กเป็นคนเก็บกดในอนาคต สื่อพึงชั่งน้ำหนักได้เลยว่า ผู้หญิงผิดหรือผู้ชายผิด และใครควรทำอะไรให้เป็นแบบอย่างให้แก่สังคมในปัจจุบัน สตรีเป็นเพศแม่ นึกจะทำอะไรข่มเหงน้ำใจก็ทำกันง่ายๆ เลยหรือเรื่องทั้งหมดเป็นกระแส มีเกิดขึ้นเดี๋ยวก็จบไป แต่สิ่งที่คงไว้คือ ความอัปยศที่จะเกิดขึ้นตามมากับหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฟิล์มเอง ญาติมิตร เด็ก ผู้หญิง หรือแม้แต่สังคมสุดท้ายในความรู้สึกของผมก็ขึ้นกับสื่อว่าจะใช้เสี้ยวของความคิดและจิตใจว่าจะฝักใฝ่กับเรื่องใด จะทำความถูกต้องให้แก่สังคม หรือทำความดีให้ถูกใจใครคนใดคนหนึ่ง ที่สุดของที่สุด นรกและตราบาปก็อยู่ในใจฟิล์ม ตัวเด็กก็จะเป็นพยานแห่งอดีตของฟิล์มเอง ถ้าฟิล์มไม่รับว่าเป็นลูกก็ไม่เป็นอะไร แม้แอนนี่จะไม่ให้ตรวจดีเอ็นเอก็ไม่เป็นอะไร แต่สำหรับผมสงสารเด็กคนนี้ และผมรู้สึกรักเด็กคนนี้ ผมขอวิงวอนขอร้องฟิล์ม ถ้าไม่รับว่าเป็นลูกก็ไม่เป็นไร พี่อู๊ดจะขอร้องให้ฟิล์มยกกรรมสิทธิ์บ้านหลังนั้นที่พี่อู๊ดยกให้ ให้เด็กไปเถอะ อย่างน้อยวันข้างหน้า ถ้าเขาไม่มีพ่อ แต่เขาก็ยังมีบ้านอยู่ และอย่างน้อยบ้านที่เขาอยู่ก็เคยเป็นบ้านของบุคคลที่ใครๆ ทั้งประเทศรู้ว่าเป็นพ่อเด็ก สรุปบ้านหลังนี้ที่พี่อู๊ดให้ฟิล์มอยู่ พี่อู๊ดขอยกให้เป็นการรับขวัญหลานคนนี้ก็แล้วกันนะครับ




ที่มาhttp://entertain.teenee.com/thaistar/59652.html

นักร้องตุ๊ดหน้าปลวก โรคจิตชอบซ้อมผู้หญิง


โอ้ย มันเกิดอะไรขึ้นบนโลกใบนี้กันเค๊อะพี่น้อง โลกน้อยๆ ใบนี้มันยังจะมีผู้ชายหลงเหลือให้ “เจ้BOMBร้อยแรงม้า” อยู่บ้างไหม ปกติประชากรชะนีบนโลกมันก็เยอะกว่าผู้ชายอยู่แล้ว แล้วทำไมไอ้พวกผู้ชายฟายๆ ทั้งหลายมันจะต้องหันไปกินผู้ชายด้วยกันให้มันเต็มโลกไปเพื่อออ?
แอร๊ยยยยย ผู้ชายเดินมาพร้อมกัน 10 คน เป็นตุ๊ดเป็นเกย์ไป 8 คน ที่เหลือหนึ่งคนมีแฟนแล้ว อีกหนึ่งคนก็หน้าเหียกสันดานเลว ไหวไหมจุดนี้ แล้วมันจะเหลืออะไรถึงชะนีน้อยหอยสังข์อย่างเจ้ล่ะคะเนี่ยยย
บางคนเพิ่งมารู้ตัวตอนแก่ก็ยังพอให้อภัยได้ แต่มีบางจำพวกที่สันดานไม่ดีกินควบไม่แคร์สื่อ เจ้รับไม่ได้อย่างรุนแรงค่ะ ยกตัวอย่างไอ้นักร้องปากหมาจากเวทีๆ นึง ที่หลายคนก็ฟันธงว่ามันเป็นเกย์ แต่ด้วยชะนีที่มันคบหาผ่านมาหลายศึกก็ทำให้เชื่อว่าคงจะไม่ได้เป็น แต่ดันหลุดด้วยความเงี่ยนที่พรากจากเมียรักตอนติดไฟแดงเลยต้องหันไปแซ่บประตูหลังกับเพื่อนซี้ที่เป็นเกย์ในสายเลือดร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว โอ้ย นี่ มันหยามศักดิ์ศรีชะนีไทยเต็มๆ เลยนะเนี่ย
ความเลวไอ้นักร้องหน้าปลวกยังไม่หมดค่ะ มันยังชอบตบตีเมียทั้งหลายเป็นชีวิตจิตใจ แถมยังทำลายข้าวของและยังชอบทำร้ายตัวเองอีกด้วย เฮ้ยยย อีนี่มันโรคจิตชัดๆ
งานการในปัจจุบันจะมีให้ทำไม่พอแด๊กอยู่แล้ว ยังจะสร้างเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน เที่ยวไปด่าเพื่อนของเมียเก่าๆ ทั้งหลาย หวงก้างกั๊กเป็นอันธพาลไม่เกรงใจใคร พวกเหล่าเมียชะนีที่ผ่านไ มาก็ศรีทนได้ ปล่อยให้มันกระทำชำแหละ เห็นแล้วก็น่าปวดใจยิ่งนัก
พักหลังสงสัยสปีชีส์ตุ๊ดมันสสูบฉีดเลยไปเที่ยวผับเกย์หาผู้ชายมาอัดตูดเล่น ไม่พอค่า มันยังจะล้วงคองูเห่าแย่งนักร้องขั้นเทพจากอกของแฟนเขาอีกด้วย แต่ในใจมันไม่คิดแค่นั้น เพราะมันก็หวังจะเคลมแฟนของนักร้องเทพด้วย อ้ายยยย เลวชั่วมั่วจริงๆ อีนี่
สุดท้ายเจ้ขอร่วมเผาพริกเผาเกลือแช่งไอหน้าตุ๊ดหน้าปลวกให้มันถูกหอกอัดตูดตายในนรกเถอะ หรือไม่ก็โดนยมฑูตจับลงขุมนรก ไม่ให้ผุดไม่ให้เกิดซักแปดชาติ สาธุ
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก STAR NEWS 335 BIG BOMB
ที่มาhttp://entertain.teenee.com/gossip/59758.html

ฟิล์มโทร.หาแอนนี่ ยังไม่มีผู้รับสาย




เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. วันที่ 24 ก.ย. 53 ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ นักร้องคนดังที่กำลังผจญมรสุมชีวิต ได้พาคุณแม่ โคมมนต์ ทองมั่ง ออกจากโรงพยาบาล เพื่อไปพักฟื้นที่บ้าน โดยจะขอพักผ่อนในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์นี้ และวางแผนที่จะเข้าพบคุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ที่บริษัทอาร์เอสฯ เพื่อขอคำปรึกษาเรื่องงานของฟิล์ม และเรื่องของแอนนี่ ในวันจันทร์ ที่ 27 ก.ย.ที่จะถึงนี้
ในขณะเดียว หลังจากที่ฟิล์มได้พาคุณแม่กลับถึงบ้านย่านห้วยขวางแล้ว ฟิล์มได้โทรศัพท์เข้ามือถือของแอนนี่ เพื่อพูดคุยหลังจากที่ได้แถลงข่าวไปเมื่อวาน โดยฟิล์มโทรเข้ามือถือทั้ง 2 เบอร์ โทรอยู่ประมาณ 5-6 ครั้ง แต่ไม่มีผู้รับสาย
ที่มาhttp://entertain.teenee.com/thaistar/59742.html

เจนี่ งดพูดถึง ฟิล์ม ปัดกิ๊ก เป้



นางเอกสาวแอ๊บแบ๊ว เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ รับตกใจข่าวของ นักร้องหนุ่มฉาว ฟิล์ม รัฐภูมิ ของดออกความเห็น

บอกเป็นเรื่องส่วนตัวของ 2 คน โต้ทวิตฯ ลบเธอออกจากใจ ยันไม่เกี่ยวกับฟิล์ม อ้างแค่เหนื่อยกับการทำงานจนทำให้ป่วย ปัดดี๊ด๊าอยากได้เบอร์โทร นักร้องหนุ่ม เป้ เสลอ ยันรู้จักแค่ผ่านๆ ไม่มีส่วนตัวแน่นอน! “ได้ยินข่าวตลอดเวลา เจนี่ก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะออกความเห็นได้ ก็เห็นใจนะคะ แล้วก็สงสารทั้ง 2 ฝ่ายค่ะ” ให้กำลังใจไงบ้าง "ก็มีตอนแรกที่ฟิล์มเค้าบอกตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นนะคะ ก็ยังคิดว่าล้อเล่น แต่ฟิล์มบอกเรื่องจริง เจนี่ ก็เอ้ยจริงหรอ ก็ตกใจนะคะ”
ปรึกษาไหม

"ไม่ได้ปรึกษาคะ เจนี่ก็บอกใจเย็นนะ คงให้คำปรึกษาได้ไม่มาก เพราะเป็นเรื่องของฟิล์มเอง ก็ได้แต่ให้กำลังใจ” ตอนถ่ายละครด้วยกัน เค้ามีท่าทียังไงไหมจะบอกเรา “ไม่ค่ะก็ปกตินะคะ” แล้วข้อความลบเธอออกจากใจหมายความว่าไง “เจนี่ ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดนิดนึงค่ะ ตอนนั้นถ่ายแบบอยู่ที่ญี่ปุ่น แล้วอากาศร้อนมาก แล้วเจนี่ไม่สบาย ป่วยมากก็กลับมาอากาศเปลี่ยนแปลงค่ะ คนก็เลยไปตีความหมาย ซึ่งตอนนั้นเจนี่ยังไม่รู้เรื่องนะคะ”
ก่อนหน้านั้นมีคนพูดว่า ฟิล์มไม่ได้คบฝ้ายแต่เป็นนางเอกคนนึง

“ก็อย่าเพิ่งตีความไปอย่างนั้น เจนี่เอง กลับฟิล์มก็พูดมาตลอดว่าเป็นเพื่อนกัน” หลายคนสงสัยคำว่าลบเธอออกจากใจคืออะไร “มันไม่ใช่นะคะ มันไม่ใช่ลบเธอออกจากใจ มันคือ มันก็เหมือนการเริ่มต้นที่จะทำงานวันใหม่ มันก็เป็นเหมือนเคลียร์ ออฟ มาย มาย นิดนึงนะคะ” ลำบากใจไหมเพราะตัวเองก็มีชื่อเอี่ยว“ก็ ไม่นะคะ มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วล่ะ เพราะเล่นละครด้วยกัน ก็อยู่ในช่วงปิดกล้องพอดี แล้วเจนี่ กับ ฟิล์ม ก็ไปออกรายการด้วยกันบ่อยนะคะ เป็นเรื่องปกติที่จะถูกมาโยงกัน งานเข้านิดนึง”

มีข่าวอีกว่าเราไปขอเบอร์เป้ เสลอ

“ถ้า เจนี่ ไปขอนี่ ไม่ไปขอแบบที่เป็นข่าวมาค่ะ เจนี่จะทำร้ายตัวเองทำไมล่ะคะ แล้วอีกอย่างเจนี่ทำงานเยอะ แล้วถ้าเกิด ใครจะเข้ามา ให้เป็นฝ่ายเข้ามาหาเจนี่เองดีกว่า ที่เจนี่จะเข้าไปหาเอง” กระแสข่าวแรงมากประมาณว่า เราอยากรู้จักเป้ อย่างคุยกับ เป้ “ไม่ถึงขนาดนั้นนะคะ” เคยฟังเพลงเค้าไหม “เคยได้ยินมาบ้างนะคะ ไม่รู้จักเป้นการส่วนตัวนะคะ”

ฝ่ายนั้นมีเข้ามาหาเราไหม

“ก็ไม่มีนะคะ ไม่มีเลย เคยเจอกันตามงาน” ส่วนตัวเจนี่ปลื้มเป้ไหม “ก็เคยเห็นผลงานนะคะ แต่ก็ไม่เห็นชัดเจน เพราะฉะนั้นก็พูดไม่ได้ว่าปลื้มหรือเปล่า” ได้ยินข่าวมาบ้างไหม “ได้ยินค่ะ เรื่องนี้เรื่องเล็กมาก เจนี่ก็อยู่ในฐานะที่ต้องมานั่งตอบคำถามพี่อยู่แล้ว จากผู้ไม่ประสงจะออกนามนะคะ (หัวเราะ)”

ทีมาhttp://entertain.teenee.com/thaistar/59734.html

ประมวลดาราพลาดท่าทับท้อง







ประมวลดาราพลาดท่าทับท้อง


แม้ข่าวเรื่อง "ฟิล์ม" รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ พลาดท่าทำ แอนนี่ บรู๊ค ตั้งครรภ์จนคลอดลูกออกมาได้ 3 เดือน จะผ่านมานับสัปดาห์ แต่ดูเหมือนว่าข่าวนี้จะยังทำเอาหลายคนช็อกไม่หาย และยังแคลงใจ ว่าสรุปเด็กที่เกิดขึ้นนั้น ใช่ลูกฟิล์มจริงหรือไม่


ทำไมนักร้อง-พระเอกดังคนนี้ถึงไม่ยอมรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง หรือบางคนอาจจะสงสัย ว่าทำไมแอนนี่ ถึงไม่ยอมที่จะตรวจดีเอ็นเอให้ฟันธงกันไปเลยว่าใช่ลูกของนักร้องดังจริง เพื่อไม่ให้เป็นข้อถกเถียงกันอย่างที่เกิดขึ้นขณะนี้ รวมถึงอนาคตบนเส้นทางบันเทิงของฟิล์มจะเป็นอย่างไรต่อไป
อย่างไรก็ดี ฟิล์ม คงไม่ใช่ดาราคนแรกที่เกิดกรณีแบบนี้ เพราะย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ยังมีชายคนดังอีกหลายรายที่เป็นผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกัน อย่างที่วิพากษ์วิจารณ์กันจนแทบจะไม่มีที่ยืนบนเส้นทางบันเทิง นั่นคือนักร้องนำวงดัง "บิ๊กแอส" กับ "แด๊ก" เอกรัตน์ วงศ์ฉลาด ที่โดนตัดสินชะตาด้วยข้อกล่าวหาว่า พลาดท่าทำนางแบบสาวนิตยสารเซ็กซี่อย่าง "ฝ้าย" สุวรรณรี ไชยมงคล ตั้งครรภ์ ทั้งๆ ที่ตัวของฝ้ายนั้น อายุก็ยังไม่พ้นคำว่า "ผู้เยาว์" ซึ่งดูเหมือนว่าฝ่ายหญิงจะมั่นใจ ว่าพ่อของเด็กนั้นคือนักร้องดังจริง พร้อมทั้งเข้าขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณา ซึ่งขณะนั้นมารดาของสาวฝ้ายเอง ก็ไม่พอใจที่แด๊กบ่ายเบี่ยงในการจะขอตรวจดีเอ็นเอ ช่วงเวลาขณะนั้น สังคมทั้งรุมประณามและกดดันนักร้องดังเป็นอย่างมาก ที่สุดแด๊กจึงยอมตัดสินใจที่จะเข้ารับการตรวจดีเอ็นเอ แต่สุดท้ายแล้ว เรื่องราวกลับตาลปัตรอย่างเหลือเชื่อ เพราะผลตรวจดีเอ็นเอแด๊กกับเด็กน้อยไม่ตรงกัน เป็นอันว่าแด๊กพ้นข้อกล่าวหา แต่ทว่าเขากลับไม่ได้รับคำขอโทษจากสังคมเท่าครั้งที่เขาถูกรุมประณาม






อย่าง "บิ๊ก" ศรุต วิจิตรานนท์ ที่ขณะนั้น เขากำลังมีผลงานละครเรื่อง เพลงผ้า ฟ้าล้อมดาว ของค่ายเป่า จิน จง รวมถึงกำลังมีผลงานเพลงอัลบั้มใหม่รอจ่อคิวอยู่ แต่แล้วจู่ๆ ก็มีข่าวว่า บิ๊ก พลาดท่า ทำสาวช่างแต่งหน้าท้อง แต่ตอนแรกบิ๊กเหมือนจะไม่มั่นใจนัก ว่าเด็กในท้องคือลูกของตัว แต่สุดท้ายเมื่อตรวจดีเอ็นเอ แล้วผลพิสูจน์ ว่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาจริงๆ เขาจึงยอมรับและรับปากว่าจะส่งเสียค่าเลี้ยงดูจนกว่าเด็กคนนี้จะเรียนจบปริญญาตรี แต่ทั้งนี้ไม่ขอรับแม่ของลูกมาเป็นภรรยา พร้อมกับขอบวชและเปลี่ยนชื่อจริง จาก วิทย์ มาเป็น ศรุต เสมือนเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ในขณะนั้น บิ๊ก เองก็โดนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถล่มทลายไปไม่น้อยเช่นกัน


มีข่าวว่าทำช่างแต่งหน้าป่องขณะกำลังถ่ายทำละครเช่นกัน สำหรับ "อ๊อฟ" อภิชาติ พัวพิมล ฉายาคีนูรีฟเมืองไทย ที่ตอนนี้ล่วงลับไปแล้ว ขณะนั้น อ๊อฟ ยังมี "เจี๊ยบ" พิจิตรา สิริเวชชะพันธุ์ เป็นหวานใจอยู่ แต่กลับต้องช็อกกันพอสมควร เมื่อจู่ๆ สาวช่างแต่งหน้าในกองละครเรื่อง กษัตริยา ก็ออกมาแฉว่ากำลังตั้งท้องกับอ๊อฟ จนทำให้รักของเจี๊ยบกับอ๊อฟต้องปิดฉากลงไป และสุดท้ายเมื่อตรวจดีเอ็นเอแล้ว ผลปรากฏว่า "น้องจีน" แพรวา เป็นลูกสาวของอ๊อฟจริง และแม่สีดาก็ทำหน้าที่แทนอ๊อฟผู้จากไป ด้วยการให้การดูแลเลี้ยงดูถึงขณะนี้



อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้ เจ้าพ่อขาแร็พอย่าง "เจ" เจตริน วรรธนะสิน ที่ตอนนั้นกำลังโด่งดังแบบสุดโต่ง ก็เจอมรสุมลูกใหญ่ในแบบเดียวกัน แม้ขณะนั้น เจ จะคบหาดูใจอยู่กับ "ปิ่น" เก็จมณี แต่กลับมีข่าวช็อกสะเทือนวงการว่า เจทำสาวงามอย่าง "จีน่า" จิดาภา ณ ลำเลียง ท้อง ซึ่งในตอนนั้น เจ แถลงข่าวยอมรับและจะขอรับผิดชอบทุกอย่าง ยกเว้นการรับ จีน่า แต่งงานเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ด้านจีน่าเองก็ไม่ทำให้เจลำบากใจ หอบลูกในท้องไปใช้ชีวิตอยู่อเมริกา จนลูกสาวโตเป็นสาวแล้วในเวลานี้ คือ "น้องเจด้า" ส่วนเจก็รับผิดชอบเรื่องค่าเลี้ยงดู บินไปหาลูกที่ต่างประเทศเท่าที่เวลาจะอำนวยได้ และดูเหมือนน้องเจด้า ก็โตขึ้นมาเป็นสาวน้อยสดใส เป็นที่รักใคร่ของครอบครัวเจไม่น้อยเช่นกัน





พีท ทองเจือ อีกหนึ่งพระเอกหนุ่ม ที่มีข่าวเกิดเรื่องในทำนองเดียวกัน ว่าทำ นภัสวรรณ มะนะระทา มิสเซ็กซี่โมเดล ปี 2000 ตั้งครรภ์ก่อนหน้าที่จะประกาศแต่งงานกับ "เจ็ง" วิไลลักษณ์ ภรรยาคนปัจจุบัน ข่าวระบุว่าทายาทคนนี้นั้น มีชื่อว่า "น้องเกร็น" แต่ดูเหมือนว่า ข่าวนี้จะค่อนข้างเงียบฉี่ เพราะพีทไม่เคยออกมาพูดหรือเปิดปากกับเรื่องดังกล่าวแม้แต่น้อย ส่วนลูกชายนั้น ก็ได้อาของนางแบบสาวรับเป็นพ่อบุญธรรมแทน ส่วนตัวของนางแบบเซ็กซี่เอง ก็บอกว่าไม่ได้คิดจะเรียกร้องใดๆ ด้วย


นักร้องหนุ่มลูกทุ่งที่เมื่อหลายปีก่อน ขณะนั้นกำลังมาแรงสุดๆ อย่าง "แจ็ค" ธนพล สัมมาพรต ที่โดน น้องมด แอร์โฮสเตสสาวออกมาแฉ ว่าถูกแจ็คทับท้องแล้วไม่ยอมรับ แถมยังตีตัวออกห่าง ทางด้านแจ็คออกมาโต้กลับว่า เขาเคยคบหาดูใจกับสาวเจ้าจริง และเคยอยู่กินกันแบบไม่แต่งงานนาน 3 ปี แต่สุดท้ายก็เลิกรากันไปนาน 7 เดือน ขณะที่ฝ่ายหญิง ที่ออกมาเรียกร้องค่าเลี้ยงดู อ้างว่าตั้งครรภ์แล้ว 5 เดือน ครั้งนั้นแจ็คประกาศลั่น ว่ายอมที่จะตรวจดีเอ็นเอ หากเป็นพ่อของเด็กจริงก็พร้อมที่จะรับผิดชอบ แต่สุดท้ายเรื่องนี้กลับค่อยๆ เงียบหายไป



อีกหนึ่งหนุ่มของวงการเพลงลูกทุ่ง มนต์สิทธิ์ คำสร้อย ก็ตกเป็นข่าวทำนองเดียวกัน เมื่อมีสาวคนหนึ่งออกมาร้องสิทธิ์หาความชอบธรรม ว่าเธอกำลังตั้งครรภ์กับนักร้องดัง เวลานั้นได้แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ มาช่วยตรวจสอบดีเอ็นเอ ผลปรากฏว่าเป็นลูกของมนต์สิทธิ์จริง และรับเลี้ยงดูตามสิทธิที่ลูกผู้ชายควรทำ



อันที่จริงเรื่องของผู้ชายจะมีโอกาสพลาดท่าทำผู้หญิงท้องนั้น คงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในสังคมไทย หากถามว่าใครกันที่ผิด ก็คงต้องบอกว่าเป็นความผิดของทั้ง 2 ฝ่าย เพราะหากมีใครคนหนึ่งพร้อมใจที่จะป้องกันตนเองแล้ว คงไม่มีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว การจะถามหาว่าเหตุใดจึงไม่ป้องกัน คงเป็นเรื่องปลายเหตุ แต่สิ่งที่ต้องแก้ไขกันต่อไป คือจะทำอย่างไรให้ผลผลิตที่เกิดขึ้นมาดูโลกแล้วนั้น เป็นเด็กที่ไม่ขาด และอยู่ในสังคมต่อไปได้อย่างสง่างาม และควรเป็นทางออกที่ผู้เป็นทั้งพ่อและแม่ ตกลงจบกันได้อย่างสวยงาม น่าจะดีที่สุด

ที่มา http://entertain.teenee.com/thaistar/59640.html

เส้นทางข่าวฉาว“ฟิล์ม-แอนนี่”


กลายเป็นเรื่องที่คนทั้งประเทศต่างให้ความสนใจ กับกรณีข่าวฉาว” ของ “ฟิล์ม” รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ กับนักแสดงลูกครึ่ง แอนนี่ บรู๊ค ที่หลายคนสงสัย

ว่าเรื่องราวนานนับปีนี้หลุดออกมาจนเป็นเรื่องแดงฉาน ถึงขนาดทำให้ซูเปอร์สตาร์หนุ่มหล่นบัลลังก์ลูกรัก ถูก “เฮียฮ้อ” สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ บิ๊กบอสส์ของค่าย “อาร์เอส” สั่งแบนงานยาวแบบไม่มีกำหนดได้ยังไง

วันนี้ “คมชัดลึก” ขอเปิดเผยเรื่องราวบางอย่าง ที่อาจสวนทางกับที่ แอนนี่ พูดว่า รักฟิล์ม ไม่อยากทำร้ายฟิล์ม ทั้งนี้ก่อนเรื่องจะแดง จนกลายเป็นข่าวใหญ่โต ทางทีมข่าวของคมชัดลึก ได้รับสายด่วน จากผู้ที่อ้างตัว ว่าเป็นเพื่อนสาวของ แอนนี่ บรู๊ค โทรมาเล่าเรื่องราวความรันทดของเพื่อนสาวคนสนิท ว่าถูกซูเปอร์สตาร์หนุ่มตีจากทิ้งไป จนต้องต่อสู้เลี้ยงลูกแต่เพียงลำพัง จนมาถึงทางตันเมื่อเงินที่สะสมมาหมดลง เลยต้องยอมเอาเรื่องนี้ออกมาปูด เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ตัวเองและลูก


ซึ่งก่อนหน้านี้ดาราสาวเคยคิดที่จะเดินทางไปร้องเรียนกับมูลนิธิปวีณา หงส์สกุล แต่เพราะกลัวเรื่องราวจะซ้ำรอยของ แด๊ก บิ๊กแอส ที่เคยมีข่าวกับสาวนอกวงการนามว่า “ฝ้าย” สุวรรณรี ไชยมงคล ที่ไปร้องเรียนกับมูลนิธิปวีณา ว่าท้องและมีลูกกับร็อกเกอร์หนุ่ม แต่ผลสรุปก็เป็นอย่างที่รู้ๆ กันว่า นักร้องหนุ่มเลือดร้อนก็หลุดข้อกล่าวหาไป แอนนี่เลยคิดใหม่ ให้เพื่อนสนิท เป็นคนปล่อยข่าวดังกล่าว แทนที่จะไปร้องมูลนิธิปวีณา

จนกระทั่งเมื่อนักร้องหนุ่มแถลงข่าวยอมรับว่าเคยคบ แต่ไม่ได้เป็นแฟน ดาราสาวจึงตัดสินใจ ไปออกรายการ เรื่องเด่นเย็นนี้ ช่วงเจาะข่าวเด่น กับ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ทางช่อง 3 ที่มีเสียงร่ำลือกันว่า มีข้อตกลงอะไรกันบางอย่าง การออกมาพูดของเธอ ส่งผลลบกับฟิล์มอย่างมาก ทว่ากว่าที่เธอจะออกมาแฉพระเอกคนดัง เพราะด้วยน้อยเนื้อต่ำใจ ที่ถูกทิ้งให้รับผิดชอบในสิ่งที่กระทำร่วมกัน แต่เพียงลำพัง แถมยังถูกคนรอบข้างของนักร้องหนุ่ม โทรมาต่อว่า คงเป็นชนวน ที่ทำให้การตัดสินใจออกรายการมาแฉซูเปอร์สตาร์หนุ่มง่ายขึ้น


ทางด้าน ฟิล์ม เองก็ไม่ได้ผิดซะเต็มประตู เพราะการที่นักร้องหนุ่มไม่แน่ใจ เพราะมีข่าวลือออกมาหนาหู ว่าก่อนหน้านี้นักแสดงสาว ก็มีหนุ่มในแบ็กลิสต์หลายคน แม้แต่ในช่วงที่คบกับพระเอกหนุ่มสุดฮอต แอนนี่ ก็มีสจ๊วตหนุ่ม เป็นสารถีคอยรับส่งทำหน้าที่แฟนอยู่แล้ว เลยเป็นเรื่องยากที่นักร้องหนุ่มจะเชื่อใจ จนตกล่องปล่องชิ้นเป็นพ่อของน้องฑีฆายุ โดยไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยัน

การที่ ฟิล์ม ออกมาแถลงข่าวเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา ถือเป็นการออกมาแสดงความรับผิดชอบได้ดีที่สุดแล้ว จากสถานการณ์ที่ตัวเขาเองยังไม่แน่ใจในความจริงทั้งหมด โดยหลังจากที่แอนนี่ออกมาออกรายการ ภาพลักษณ์ของฟิล์มอาจจะดูแย่ แต่ทันทีที่ทางอาร์เอสออกมาระงับงานของนักร้องหนุ่ม ทำให้ตัวฟิล์มเองก็ได้คะแนนความสงสารไปไม่น้อย ยิ่งบวกกับที่คุณแม่ของนักร้องหนุ่มเครียดเรื่องชายสุดที่รักมาก จนต้องเข้าโรงพยาบาล ยิ่งทำให้คะแนนนิยมของนักร้องหนุ่มเริ่มตีตื้นขึ้นมาบ้าง



โดยล่าสุดคนใกล้ชิดของแอนนี่ บอกมาว่าคงจะมีการตรวจดีเอ็นเอในไม่ช้านี้ โดยฝ่ายหญิงกำลังอยู่ในช่วงปรึกษาผู้ใหญ่ที่นับถือ เพื่อจัดการเรื่องนี้ให้ออกมาดีที่สุด เพราะตอนนี้ดาราสาวถือ ว่ามีภาษีเรื่องงานดีกว่าพระเอกหนุ่ม เพราะตอนนี้แอนนี่ ได้รับการติดต่อให้ เล่นละคร เล่นภาพยนตร์ ออกรายการทีวี งานอีเวนท์ รวมถึงเขียนหนังสือ โดยเรื่องการเขียนหนังสือ ทางเวิร์คพ้อยท์ ได้เตรียมวางโครงการไว้แล้ว ซึ่งได้ทุ่มเงิน
150,000 บาท เพื่อให้คุณแม่มือใหม่ ได้จรดปากกาบรรยายเรื่องราวของตนเอง กับนักร้องหนุ่มลงบนกระดาษ

ผิดกับด้านนักร้องหนุ่ม ที่ถ้าเรื่องราวยังไม่จบ ฝันไกลไปโกอินเตอร์ รวมถึงงานละคร งานหนังที่มี คงต้องระงับไปโดยไม่มีกำหนด มีข่าวมาจากคนใกล้ชิดของนักร้องหนุ่มว่าฟิล์มกำลังเตรียมหาทนาย เพื่อมาเป็นตัวกลางในการจัดการในเรื่องนี้ ถ้าหากฝ่าย แอนนี่ บรู๊ค ยังยืนกรานที่จะไม่ตรวจจริงๆ เร็วๆ นี้นักร้องหนุ่มอาจออกมายอมรับ ว่าเป็นพ่อของเด็ก เพื่อให้ได้สิทธิในการตรวจดีเอ็นเอ เพราะตามกฎหมาย ไม่มีสิทธิที่คนนอกจะไปบีบบังคับให้ผู้เป็นแม่ นำลูกมาตรวจดีเอ็นเอได้ นอกจากคนที่ขอให้ตรวจเป็นพ่อของเด็ก



ถ้าเรื่องถึงขั้นมีทนายความ และกฎหมายเข้ามาเกี่ยว เรื่องคงไม่ได้จบลงอย่างสวยงามอย่างที่ใครๆ คาดคิด แต่ทั้ง “ฟิล์ม-แอนนี่” คงมีความคิดที่จะยุติเรื่องราวข่าวฉาวนี้ลงให้เร็วที่สุด เพื่อที่ทั้งสองคน จะได้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขซะที
ที่มา http://entertain.teenee.com/thaistar/59681.html

ดูฟิล์มแถลงข่าวครั้งที่1กับครั้งที่2ชัดๆอีกครั้ง



แถลงครั้งแรก ก่อนโดนสังคมกดดัน!!

ประโยคเด็ด เคยคบกันแต่ไม่ใช่แฟน ที่ช่วยเพราะเห็นแก่เพื่อนมนุษย์คนนึง
แถลงการณ์รอบ2 หลังถูกสั่งพักงาน สังคมกดดัน แม่เข้าโรงพยาบาล


ประโยคเด็ด "ท่าน(แม่ฟิล์ม)ไม่เสียใจที่มีข่าวผมไปทำใครเขาท้อง!! แต่ว่าท่านก็สงสารผม ที่ผม ทั้งถูกตัดงาน ทั้งถูกต่างๆนานา"


ว่ากันว่า ซุปเปอร์สตาร์ระดับฟิล์มมีรายได้เดือนๆเป็นล้าน!! ชัวร์หรือมั่วนิ่ม!!?


ถ้าชัวร์ ป่านนี้ฟิล์มรวยเป็นร้อยล้านแล้วมั้ง!??

เรียนจบแล้วมีปริญญามีความรู้ มีทุนทรัพย์ ไม่จนง่ายๆหรอกฟิล์ม อย่าห่วงเกินไป!!

เพิ่งพักงานไม่กี่วัน ไม่ถึงกับอดตายหรอก โอกาสยังมี ใช่ว่าไม่มีอีกแล้วซักหน่อย (หรือกลัวว่า จะดับจริงๆ)


เฮ่อ.. รักสนุก ทุกข์ถนัด
ที่มาhttp://webboard.sanook.com/forum/3262379

"ปุ๊กลุ๊ก" ลุ๊คนี้โอเคป่ะ?????



ปุ๊กลุ๊ก
เห็นหนูเจิดเริ่ดๆๆๆ บนเวที Miss Universe ทำเอาหลายคนกร่นด่า ว่าหนูปุ๊กลุ๊ก she จะมั่นใจเกินหญิงไทยเกืนไปไหม งานนี้คุณแดงเลยขอแปลงโฉมคุณน้องปุ๊กลุ๊ก เอาซะจากหน้ามือเป็นหลังมือกับบทแม่ประยงค์ ในทวิภพ จับสาวเปรี้ยวมาแต่งไทย...

ลุ๊คนี้โอเคป่ะ?????
ที่มาhttp://webboard.sanook.com/forum/3263423

“Anywhere” ได้ทุกที่ทุกเวลา ซ้อ 7 ทันกระแสฟิลม์

อ่านบทความนี้เสร็จ ทำให้คิดว่าซ้อมันไปอยู่ตรงไหนของบ้านแอนนี่อ่ะ ถึงรู้ลึกรู้จริงขนาดนี้ หรือแกเป็นคนประติดประต่อเรื่องเก่งก็ไม่รู้“Anywhere” ได้ทุกที่ทุกเวลา/ซ้อ 7 เกิดเป็นหญิงมันเหนื่อยแสนเหนื่อย ตอนเป็นเด็กก็โดนแม่ใช้ทำงานบ้านจนหัวฟู ในขณะที่พี่ชายน้องชายนอนไข่ห้อยดูทีวีสบายบรื๋อพอ โตเป็นสาวนมตั้งเต้า ประจำเดือนก็ไหล ทั้งเฉอะแฉะ ทั้งรำคาญต้องเสียเงินค่าผ้าอนามัยทุกเดือน ยังกะผ่อนรถผ่อนบ้าน ไหนจะหนักนมหนักก้นต้องแบกภาระไปจนกว่ามันจะย้อยย้วยยาน พอมีผัวก็ต้องทำลูก กว่าจะท้องกว่าจะคลอดออกมาเป็นตัวเป็นตน ต้องอุ้มแตงหลังแอ่นตั้งหลายเดือนแหม....เกิดเป็นสุภาพสตรีมีรูนี่มันช่างลำบากซะจริงๆยิ่ง ถ้าเป็นสตรีที่ไม่ค่อยสุภาพยิ่งลำบากกว่านี้เป็นร้อยเท่า ถ้าคิดสั้นขยันซอยก็จะมีจุดจบแบบ “น้อง anywhere” เพราะอีน้องเค้าเล่นเจอที่ไหนเอาที่นั่น แบทุกที่บ่มียัน สุดท้ายก็เลยท้องโตใส่ผู้ชายซะงั้นก็เล่นเอาทุกที่ไม่มีเกี่ยง ซ้อก็เลยขออนุญาตเรียกว่า น้อง anywhere ก็แล้วกัน ขอบอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับชื่อใครอะไรประการใด อย่ามาฟ้องตูนะเฟ้ย...อุตส่าห์ รอดตายจากรูตูดของ “เสี่ยหมู” ฟูมฟักตัวเองใหม่จนเกือบจะได้โกอินเตอร์อยู่แล้วเชียว แต่ในที่สุด “ซูเปอร์สตาร์หน้าเกาหลี” ก็มีอันเจอรูบานของน้อง anywhere ขมิบใส่จนเกิดอาการไข่คาท้อง กลายเป็นข่าวฉาวโฉ่เหม็นเน่าไปทั้งวงการและ ยิ่งชิหายเข้าไปอีก เมื่อน้อง anywhere ออกมาทำหน้าเศร้าเล่าชีวิตรันทด จนคนสงสารไปทั่วประเทศ ทั้งที่ความจริงแล้วมันก็เลวไม่แพ้กันล่ะว้าซูเปอร์ สตาร์หน้าเกาหลี พอรอดพ้นวิบากตูดเสี่ยหมู ก็หาเรื่องเข้าเอวตลอดเวลา ใครๆ ก็รู้ว่าหมอนี่หูดำสุดๆ ชอบหลอกสาวๆ ไปฟาดที่คอนโดอยู่บ่อยๆ อยู่ใกล้ใครเป็นได้เสีย อย่าว่าแต่น้อง anywhere เลยที่ตกเป็นเมีย “กระสือนมโต” ที่เล่นเรื่องเดียว ซูเปอร์สตาร์หน้าเกาหลี ก็สอยมาเรียบร้อยแล้ว แม้แต่ “นางเอกแอ๊บแบ๊ว” ที่แสนจะติดนิ้วทอม และเน้นคอนเซ็ปต์มีผัวรวย พอมาร่วมงานกับซูเปอร์สตาร์หน้าเกาหลี ที่งกแสนงก ก็ยังดอดไปโยกกันจนหึ่งไปทั้งกองถ่าย
ด้านน้อง anywhere ก็น้อยหน้าซะที่ไหน คุณเรื่องท้องจับผู้ชายเป็นเรื่องธรรมดาของน้อง anywhereเพราะ ก่อนหน้านี้ ก็เคยสร้างวีรกรรมไปเป็นเมียเก็บนักการเมือง ก่อนจะใช้มุกควาย บอกว่า ท้องยุยงจนผัวเมียเค้าเลิกกัน จากนั้นก็ย้ายข้าวของเข้าไปเป็นคุณนายในบ้านผัวคนอื่น เรียกร้องทรัพย์สินได้เงินไปอื้อ ก่อนจะมาแหลอีกตลบ ว่า แท้งไปเรียบร้อยแล้ว แล้วก็ทำหน้าออดอ้อนเสียอกเสียใจนึกว่าผู้ชายเค้าจะเห็นใจ ที่ไหนได้กลับโดนเฉดหัวออกจากบ้านทันทีโทษฐานที่หน้าด้านโกหกประสบการณ์ ครั้งนั้นสอนให้น้อง anywhere ต้องจับผู้ชายให้มั่นกว่าเดิมหรือเปล่าก็ไม่ทราบ พอมาเจอซูเปอร์สตาร์หน้าเกาหลี ผู้ชายในฝันก็เลยวางแผนเอามาทำผัวอาการ คลั่งซูเปอร์สตาร์หน้าเกาหลี ของน้อง anywhere เป็นที่รู้กันในหมู่เพื่อนฝูงว่า น้อง anywhere ชอบซูเปอร์สตาร์หน้าเกาหลี อยากได้มาทำผัวนานแล้ว พอมีโอกาสมาร่วมงานกันก็เลยเปิดฉากอ่อยใช้ความขาวเข้าล่อ เอาเต้าเข้าชน จนได้มาทำพันธุ์ทั้งที่รู้จักกันได้ไม่กี่อาทิตย์ว่ากันว่า ซูเปอร์สตาร์หน้าเกาหลี ติดใจน้อง anywhere เป็นอย่างมาก ได้ฟาดแค่ยกเดียวถึงกับงุ่นง่านตามจิกให้ป้าบๆ อีกหลายครั้ง ถึงกับเอาไปโม้กับ “อ้วนร้อยเมีย” ว่า ผู้หญิงคนนี้เด็ดมากเลียแผล่บๆ ตั้งแต่จะเรี๊ยวยันหัวแม่ตีนเชียวแหละ เท่านั้นแหละคุณอ้วนก็หูผึ่งกระโดดเข้าใส่น้อง anywhere พาไปกินข้าว ก่อนมีจะเลี้ยวเข้าโรงแรมเพื่อท้าพิสูจน์ว่าเด็ดจริงเปล่า แต่คั่วกันได้ไม่นาน อ้วนร้อยเมียก็เกิดอาการบาดเจ็บจนต้องงดใช้บั้นเดว ได้แต่ใช้อีหนูมาบ๊วบให้อย่างเดียวแม้แต่ “หนุ่มหัวโจก” มีเมียท้องโตนอนอยู่ที่บ้านก็ยังแว้บมางาบน้อง anywhere อยู่บ่อยๆ นี่ยังไม่นับผัวฝรั่งที่น้อง anywhere แอบไปส่งส่วยให้อยู่บ่อยๆ มั่วเละเทะอย่างนี้แล้วจะให้ฝ่ายชายเค้ารับมาเป็นเมียไว้เชิดหน้าชูตาได้ อย่างไรอย่าว่าแต่แม่ของซูเปอร์สตาร์หน้าเกาหลี ไม่ยอมรับเลย แม้แต่ซ้อเองในฐานะที่เป็นแม่ ถ้าอยู่ดีๆ มีผู้หญิงแบบนี้มาท้องใส่ลูกตัวเองก็คงจะทำใจลำบาก ยากที่จะยอมรับมาเป็นลูกสะใภ้ได้ ถ้าได้เมียเป็นกะหรี่ก็ยังพอเข้าใจได้ว่าทำงานแลกเงิน แต่นี่มันมั่วเพื่อความมันจะให้เข้าใจว่าอะไร ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงมันแรดแต่ ทำไงได้ล่ะในเมื่อลูกตัวเองมันเอวไวเชื่อคนง่าย เค้าบอกว่า เป็นหมันไม่ต้องใส่ถุงก็ปัญญาอ่อนแทงสด นี่ยังดีนะที่แค่ท้อง ถ้าน้อง anywhere ติดเอดส์คงได้เป็นข่าวใหญ่กว่านี้แน่ กรรมก็เลยมาตกที่แม่กับผู้จัดการส่วนตัวของซูเปอร์สตาร์หน้าเกาหลี ที่ต้องพาไปฝากท้อง พาไปคลอด และทำหน้าที่จ่ายเงินค่าเลี้ยงดูให้กับน้อง anywhere เพื่ออุดปากไม่ให้พูดมากแต่อย่างว่าคนเราพอโดนไถอยู่ บ่อยๆ มันก็เซ็งอยู่เหมือนกัน งานนี้แม่ของซูเปอร์สตาร์หน้าเกาหลี ก็เลยเกิดอาการของขึ้นใส่น้อง anywhere เป็นเหตุให้หล่อนสั่งการบอกเพื่อนคนสนิทโทร.ไปแฉให้นักข่าวฟังเรื่องก็เลย แดงออกมาเท่านั้นไม่พอก็ยังบอกให้แม่ติดต่อผ่านนักข่าวที่รู้จัก กันให้ช่วยติดต่อไปออกรายการของ “สอนแล้วยัด” เพื่อที่จะให้มันฉาวโฉ่ให้ได้มากที่สุดพอได้ออกรายการน้อง anywhere ก็ได้ทีบีบน้ำตา:-)หน้าด้านๆ ว่า ไม่อยากออกมาพูดไม่ได้เป็นคนปล่อยข่าว ทั้งที่ตนเองเป็นคนให้เพื่อนปากโป้งไปบอกนักข่าว ด้านแม่ก็ไปขอออกรายการสอนแล้วยัด พล่ามว่าอยู่คนเดียวญาติพี่น้องไม่รู้ว่าท้อง ทั้งที่แม่ก็นั่งหัวหงอกรอกำกับการไถอยู่ทุกขั้นตอน ใช้ชีวิตกินๆ นอนๆ รอรับเงินจากซูเปอร์สตาร์หน้าเกาหลีสบายใจเฉิบ มีชีวิตสุขสบายกว่าคนอื่นเป็นไหนๆ ที่ต้องตั้งท้องและทำงานงกๆ จนกระทั่งคลอดเท่านั้นไม่พอก็ยังแหลว่า ขับรถไปคลอดลูกเอง เรื่องนี้ทำเอาคนทั้งคอนโดฯ งงกันเป็นแถว เพราะคนทั้งคอนโดฯ เค้ารู้กันดีว่ายายนี่ไปไหนมาไหนด้วยแท็กซี่ ไม่มีรถขับมาแต่ไหนแต่ไร แล้วจะขับรถไปคลอดลูกเองได้อย่างไร หรือว่าเมิงขับแท็กซี่ไปคลอดเองวะส่วน ใครพาไปคลอดคงไม่ต้องบอกว่า เพราะตอนนี้องครักษ์พิทักษ์ซูเปอร์สตาร์เริ่มดาหน้าออกมาเอาคืนแล้ว และได้ข่าวว่าอีกไม่นานก็คงจะเอาหลักฐานออกมาแฉ เพื่อโชว์ให้เห็นว่า น้อง anywhere แหลยังไงบ้าง ด้านน้อง anywhere พอหน้าหนาประกาศว่าให้โลกรู้ว่ามั่วจนท้องโต ตอนนี้ก็เตรียมเดินสายออกทีวี คนโน้นก็สงสารคนนี้ก็สงสารโยนงานให้ทำ ส่งผลให้ตอนนี้โกยเงินไปแล้วอื้อซ่าก็ เอาเหอะถ้าคิดว่าทำเพื่อลูก เพื่อปากเพื่อท้องก็ทำไป แต่ควรจะเลิก:-)ยอมรับความบัดซบของตัวเองมั่ง ไม่ใช่เอะอะก็บีบน้ำตาตลอดเวลา ถามหน่อยถ้าไม่แรด ถ้าไม่มั่วจะมีวันนี้ไหมสงสาร ก็แต่เด็กน้อยตาดำๆ ที่ต้องมาตกเป็นเครื่องมือของผู้ใหญ่ แถมแม่ก็ปัญญาอ่อน ไม่ยอมให้พิสูจน์ความจริง แล้วงี้ในอนาคตจะให้เรียกใครว่าพ่อ ในเมื่อช่วยต่อแขนต่อขาให้ตั้งหลายคน สงสารเด็กที่ไม่รู้เรื่องบ้างเถอะ แค่สิทธิ์ในการรู้ว่าใครเป็นพ่อ ก็จะไม่ให้รู้เลยหรอไหนๆ ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เมีย เพราะผู้ชายเค้าไม่เอาแล้ว ก็ช่วยทำหน้าที่แม่หน่อยเหอะ...____________________________+++++++++________________ซ้อ7 มาแล้ววววววว ติดตามกันต่อไปเรื่องนี้http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9530000132950
ที่มาhttp://webboard.sanook.com/forum/3257929

จับผิด 'แอนนี่ บรู๊ค'




รักของ “ฟิล์ม” และ “แอนนี่” สับสนกันในกองละครปีศาจแสนกล ช่วงระยะเวลาที่คบหากันไม่กี่เดือน แอนนี่ออกรายการ “เรื่องเด่นเย็นนี้” ของ สรยุทธยอมรับว่า “ไปมาหาสู่กันถี่และบ่อย และอาศัยช่วงเวลาเลิกแล้วค่อยมาเจอกัน” ซึ่งเพิ่งรู้จักกันไม่กี่วันเท่านั้น ช่วงระยะเวลาในการคบหาจากกองละครเรื่องนี้ทำให้ฟิล์มและแอนนี่มีโอกาสใกล้ ชิดกัน จนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง “เคยคบกัน แต่ไม่ได้เป็นแฟนกัน” จึงเป็นคำตอบที่ฟิล์มพูดในการแถลงข่าวครั้งแรกซึ่งเดาง่ายๆคือ “แฟนเผลอมาเจอกัน”
ความสัมพันธ์ก่อนหน้านั้นทิ้งช่วง ไปจนแอนนี่เริ่มตั้งท้องได้ ร่วม 4 เดือนแอนนี่เล่าว่าชวนฟิล์มไปตรวจครรภ์แล้วอีกฝ่ายไม่ไปเพราะกลัวเป็นข่าว จึงอุ้มท้องอยู่ที่ห้องคนเดียวเพียงลำพัง และพยายามติดต่อฟิล์มแต่ฟิล์มงานยุ่งและห่างเหินไป แต่ตอนท้ายยอมรับเองว่าส่งข้อความคุยกันแต่ฟิล์มติดถ่ายละคร แอนนี่เล่าต่อว่าตนเองต้องไปคลอดลูกเอง ทำอะไรเองทุกอย่าง แต่ในตอนหลังยอมรับ่ว่าฟิล์มเลี้ยงดู ส่วนฟิล์มเองยืนว่าแม่และผู้จัดการส่วนตัวเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด และแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าต้องการดูแลลูก เพราะบรรดาเหล่าวินมอเตอร์ไซค์ก็ทราบดีว่าฟิล์มมาหาแอนนี่ที่คอนโดฯ

จวบจนมีข่าวลือกว่าพระเอก “ฟ “ทำดาราตัวประกอบ “อ” ท้อง ไม่กี่วันฟิล์มจึงออกมาแถลงข่าวว่ามีความสัมพันธ์กับแอนนี่จริง และขอตรวจดีเอ็นเอ และนั่นเป็นสาเหตุให้แอนนี่ต้องออกรายการของสรยุทธเพื่อชี้แจงว่าตนไม่พอใจ และไม่ต้องการให้ฟิล์มมารับผิดชอบ และไม่อยากทำลายฟิล์ม แต่ที่ต้องพูดเพราะมีเรื่องดีเอ็นเอที่รับไม่ได้และไม่อยากให้ฟิล์มรับผิด ชอบลูกตนโดยที่สังคมบังคับ ทั้งที่ฟิล์มยืนยันเจตนารมณ์ชัดเจนว่าต้องการเลี้ยงดู แต่แอนนี่ต้องมาออกรายการสรยุทธเพราะว่าต้องการให้สังคมยอมรับ ฟิล์มยอมรับในตัวเอง ซึ่งรู้แก่ใจแล้วว่าฟิล์มเองไม่ได้ทิ้งลูก และยังช่วยค่าคลอดรวมแล้วกว่า 2 แสนบาท อีกทั้งให้แม่และผู้จัดการส่วนตัวมาช่วยดูแล ซึ่ง “พจน์ อานนท์” เผยว่าฟิล์มเองไม่ได้ปล่อยให้แอนนี่อยู่ตามลำพังและมีคนดูแลมาโดยตลอด มีเพียงช่วง 2 เดือนหลังเท่านั้นที่ฟิล์มงานยุ่งและเงียบไป

เมื่อเงียบหายไป แอนนี่อ้างว่าไม่ได้ปล่อยข่าวท้องให้ใครฟัง และไม่เคยคิดจับฟิล์ม แต่ที่ไม่ป้องกันเพราะฟิล์มทำให้รัก ตนจึงหลงเชื่อไม่ป้องกัน เรื่องราวที่พูดไม่ตรงกันทำให้ วันนี้ข่าวของเขาและเธออยู่ในความสนใจว่า “น้องทีฆายุ” ลูกใครกันแน่แล้วเหตุใดฟิล์มจึงไม่อยากตรวจดีเอ็นเอ? หรือมีบางอย่างมากกว่านั้น!?

เมื่อข่าวแอนนี่และลูกเกิดขึ้นในสังคม สำหรับชาวเน็ตแล้วยังวิพากษ์ว่าหน้าตาของลูกแอนนี่ยังละม้ายคล้ายกับดารา “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” อีกทั้ง “อั้ม พัชราภา” ยังฝาก “เมย์ เฟื่องอารมย์” มาแซวหนุ่มว่าหน้าตาคล้ายหนุ่มด้วยเช่นกัน แต่ตัวหนุ่ม กรรชัยเองก็ไม่ได้ร้อนตัวต่อเรื่องดังกล่าว เพราะมองเป็นเรื่องขำๆ และพร้อมตรวจดีเอ็นเออีกต่างหาก รวมทั้งยังบอกด้วยว่าเข้าใจฟิล์มแต่ไม่เข้าข้าง และเห็นใจทั้งสองฝ่ายและส่วนตัวแล้วตนเข้าใจคำว่า “เคยคบกันแต่ไม่ใช่แฟน” ดี จึงไม่ขอวิจารณ์ฟิล์มประเด็นดังกล่าว

น้องคากิ หน้าเหมือน “หนุ่ม” กรรชัย !!

สายสัมพันธ์ที่เริ่มต้นของ “ฟิล์ม” รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ , “หนุ่ม” กรรชัย กำเนิดพลอย และ แอนนี่ บรู๊ค เริ่มต้นมาจากละครเรื่อง “ปีศาจแสนกล” ที่ทั้ง 3 คนโคจรมาพบกัน และเป็นที่ยืนยันว่า ความสนิทสนมของแอนนี่กับผู้ชายนั้น ไม่ได้มีเฉพาะแต่พระเอก - นักร้องอย่าง “ฟิล์ม” รัฐภูมิ เพียงคนเดียว ในจำนวนผู้ชายที่มากหน้าหลายตา คนหนึ่งที่ได้รับการกล่าวถึง ณ เวลานี้คือ “หนุ่ม” กรรชัย กำเนิดพลอย
การที่แอนนี่ บรู๊คไม่ยอมตรวจดีเอ็นเอ. มีเหตุผลเดียวคือ กลัวผลการตรวจพลิกจาก “ฟิล์ม” เป็นคนอื่น และคนอื่นที่มีการกล่าวถึงและมีแนวโน้มที่จะเป็นไปได้ กลายเป็น “หนุ่ม” กรรชัย กำเนิดพลอย เพราะการโคจรของฟิล์มที่มาพบกับแอนนี่ ในละคร “ปีศาจแสนกล” ของค่ายชลลัมพี นั้น มี “หนุ่ม” กรรชัย ร่วมแสดงอยู่ด้วย

แอนนี่ไม่ได้สนิทสนมเฉพาะ “ฟิล์ม” รัฐภูมิ เพียงคนเดียว หากแต่ในจำนวนผู้ชายมากหน้าหลายตานั้นมี “หนุ่ม” กรรชัยรวมอยู่ด้วย โดยข่าวดังกล่าวนี้ ผู้ที่ปูดขึ้นมาอย่างทีเล่นทีจริงคือ “มดดำ” คชาภา ตันเจริญ ซึ่งเขาเคยกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า

“ส่วนที่มีกระแสข่าวโยงมาเอี่ยวกับพี่หนุ่ม กรรชัย เมื่อวานก็คุยกันเล่นๆ ว่า ไม่ใช่ตรวจมาเป็นลูกของหนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอยนะ น่าจะเอาเส้นผมดาราชายมาตรวจให้หมดเลยว่าสรุปเป็นใคร (หัวเราะ) คือ แค่พูดเล่นๆ กัน พี่หนุ่มบอกว่ารับรองอันนี้ไม่ได้แอ้ม (ยิ้ม) ”

เรื่องลูกของแอนนี่ บรู๊ค เป็นลูกของ “หนุ่ม” กรรชัย กำเนิดพลอยกลายเป็น “ทอล์กออฟเดอะทาวน์” อีกเรื่องหนึ่ง ที่ถูกกล่าวและอ้างถึง ขณะที่ “หนุ่ม” ใจกล้า ขาสั่น บอกด้วยเสียงสั่นว่า
“ผมเฉย ๆ เกี่ยวกับประเด็นนี้ ทุกคนมีสิทธิที่จะมอง มีสิทธิที่จะคิด เพราะผมเองเป็นคนมีชื่อในทางลบเกี่ยวกับเรื่องผู้หญิงอยู่แล้ว ผมอยากจะบอกว่า ผมไม่ได้เป็นพ่อเด็กครับ ไม่ใช่ลูกผมแน่ๆ”
แต่เมื่อถูกซักไซ้ไล่เรียงว่า หากเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นกับตัวเอง จะจัดการต่อปัญหานี้อย่างไร เจ้าตัวพูดคล่องแสดงความคิดเห็นแบบไม่สะดุดว่า

“สมมติหากเป็นผม ผมจะยินดีรับผิดชอบทันที เพราะเด็กเป็นลูกเราจริงๆ แค่เห็นหน้าตาบอกได้คำเดียว น่ารักน่าชังมาก ผมอยากมีลูกอยู่แล้ว ล่าสุดอั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ ฝากแซวมาทางคุณเมย์ เฟื่องอารมย์ แฟนสาวสวยของผมว่า หน้าตาเด็กเหมือนผมจังเลย ซึ่งผมก็ไม่ได้โกรธใคร ขำขำกันไป”
ความใจกล้าของ “หนุ่ม” กรรชัย ถึงขนาดพร้อมที่จะตรวจดีเอ็นเอ

“ถ้าผมจะมีลูกสักคน ขอยืนยันเลยว่าต้องไม่เกิดจากความผิดพลาดเด็ดขาด ลูกของผมและผู้หญิงที่ผมรักต้องเกิดจากความตั้งใจ ส่วนเรื่องทราบข่าวความสัมพันธ์ของฟิล์มกับแอนนี่หรือเปล่า เนื่องจากถ่ายละครเรื่องเดียวกันนั้น ตรงนี้ผมไม่ทราบ กับแอนนี่ถือว่าเป็นน้องที่สนิทมีการคุยกันบ้างเล็กน้อย ถ้าว่างผมก็จะอยู่บนรถตู้ของผม ผมมีโลกส่วนตัวสูงเวลาอยู่ในกองถ่าย” ถามว่ารู้สึกอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น หนุ่ม-กรรชัย ตอบว่า “บอกตรงๆ ผมเห็นใจทั้ง 2 ฝ่าย เนื่องจากทั้งคู่เป็นนักแสดงรุ่นน้อง นิสัยดีมาก อยากจะให้มองว่า ฟิล์มเองก็มีอนาคต แต่อีก 20 ปี ข้างหน้า ฟิล์มก็จะอายุเยอะ ขณะเดียวกันเด็กที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็จะเจริญเติบโตขึ้นมา ซึ่งเป็นวัยเริ่มต้น อยากให้พวกเราคิดถึงอนาคตของเด็กมากกว่า”
* คิดอย่างไรที่ฟิล์มบอกว่า “เราเคยคบกัน แต่ไม่ได้เป็นแฟนกัน”

“ผมเข้าใจในสิ่งที่ฟิล์มพูด ผมไม่ได้แก้ตัวแทนน้อง เพราะในสังคมทุกวันนี้เด็กวัยรุ่นที่กำลังคบหาดูใจกัน ซึ่งยังไม่ได้ตัดสินใจว่าเป็นแฟนกันมีเยอะ ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ในมุมของผู้ชายเราก็เข้าใจตรงนี้ แต่ในวันที่ฟิล์มสัมภาษณ์อาจจะพูดรวบรัดไปหน่อย กับแอนนี่เองผมก็เห็นใจเพราะน้องเขาเป็นผู้หญิง เขาต้องดูแลลูก” ถามต่อว่า โดยส่วนตัวอยากจะช่วยเหลืออย่างไรบ้าง ดาราดัง ตอบว่า “ถ้าน้องทั้ง 2 คนขอความช่วยเหลือมา ผมก็พร้อมยินดีช่วยเต็มที่ สรุปผมขอเป็นกำลังใจให้ทั้ง 2 คน”



ฟิล์มโทร.มาหาแอนนี่ อยากช่วยเหลือ แอนนี่เองก็ยอมรับดีใจ ที่ฟิล์มโทร.มา และฟิล์มมาดูน้อง แต่ไม่ได้ส่งเสียเป็นรายเดือน เพียงแต่ไม่อยากเป็นข่าว และแอนนี่เองยอมรับว่าเข้าใจฟิล์ม แต่อะไรทำให้เรื่องนี้แดงขึ้นมา ความเข้าใจที่บอกมีให้กันก็มีแค่ 2 คนที่รู้และเข้าใจได้ว่าฟิล์มเองคงกลัวเป็นข่าวจึงมาหาแอนนี่ได้เป็นบาง ครั้งคราว เพราะมีคนเริ่มเห็นแล้วว่าฟิล์มมาหาแอนนี่ที่คอนโดฯ

"เรื่องนี้ไม่ได้หลุดมาจากหนู เมื่อไหร่จะเลิกกลัวเป็นข่าวเสียที หนูไม่คิดทำลายเขา ที่ออกมาพูดเพราะหลายๆ กระแส คือเขาพูดแค่นี้เหมือนตบหน้าแอนนี่แล้วบอกว่าเราเป็นผู้หญิงที่ไม่ดี อย่างเช่นประโยคที่เขาพูดว่าก็ตรวจดีเอ็นเอละกัน ถ้าใช่ก็จะยอมรับ แต่บางประโยคที่เขาพูดเราก็ชื่นใจมาก เช่นเขายอมรับว่ารู้จักเราจริง ไม่ได้ปฏิเสธ แสดงว่าเขาก็ยังโอเค แต่สิ่งที่แอนนี่เจ็บปวดที่เขาบอกว่า ตั้งแต่วันแรกที่เราคลอดแล้วเขาไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล คือถามหน่อยเวลาคนคลอดลูก เขาต้องการคนอยู่ข้างๆ หรือเปล่า ต้องการกำลังใจ กลัวไปหมด เราแค่ต้องการจับมือใครก็ได้ แต่มันไม่มีใครอยู่ตรงนั้น แอนนี่ขับรถไปคลอดเอง เข้าห้องคลอดคนเดียว กลับออกมาพักอยู่เป็นอาทิตย์ไม่เห็นจะมีใครมาหาเลย เขาไปดูหน้าลูกกับแม่เขา หลังจากที่เราออกจากโรงพยาบาลมาได้สักพักหนึ่งแล้ว”

“แล้วที่วันนี้แอนนี่อุ้มน้องออกมา ไม่อยากให้คิดว่าโห..ต้องอุ้มกันมาขอความเห็นใจ ไม่ใช่อย่างนั้นนะ เพราะ 3 เดือนที่น้องคลอดออกมา 24 ชั่วโมง 7 วันแอนนี่ต้องดูแลคนเดียว ไม่มีคนช่วย ส่วนเรื่องเงินช่วยเหลือวันที่ใกล้จะคลอดเขาโทร.มาหา บอกว่าต้องการช่วยเหลือนะ เราก็บอกไม่เป็นไร เรามี อย่างที่บอกเราได้ตัดสินใจไปแล้วว่าจะเลี้ยงลูกเอง แต่พอเขาโทร.มาถาม ถามว่าดีใจไหม เป็นใครก็ดีใจทั้งนั้นแหละ มันมีความรู้สึกว่าเอ๊ะ...หรือเขาจะกลับมา เขาบอกว่าอยากช่วยเหลือตรงนี้ ขอให้ช่วยนะ เราดีใจมากเลย แต่เขาไม่ได้ให้เงินถึง 2 แสน ค่าคลอดก็ประมาณแสนกว่าบาท หลังจากเรากลับบ้านไปแล้วและเขาก็มาดูน้อง ก็ให้เงินช่วยเหลืออีกตอน 2 เดือนหลัง แต่ตลอดทั้ง 9 เดือนที่เราอุ้มท้อง เขาไม่เคยส่งเสียอะไรเลย”

แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจออกมาทีวี!?
เหนือสิ่งอื่นใดก็ยังมีชีวิตเล็กๆเกิดขึ้นมาแล้ว ทั้งแอนนี่และฟิล์มควรมองเห็นลูก มากกว่า “ตัวเอง” ทั้งคู่... DNA ไม่มีผลต่อแอนนี่ แต่มีผลทางความรู้สึก แอนนี่ทิ้งให้ฟิล์มแค่นั้น และทิ้งทายเพียงว่าอย่ามาทวงสิทธิ์ความเป็นพ่อ นั่นคือสิ่งที่เลวร้ายที่สุดถ้า "น้องฑีฆายุ" เป็นลูกของฟิล์มจริงๆ
“อย่ามองว่าใครผิดใครถูก เพราะเรื่องราวแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ก็อยากให้ยินดีกับเรา น้องก็น่าเกลียดน่าชัง ยินดีกับเราเถอะที่มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นในชีวิต และก็อยากให้ผู้ใหญ่ให้โอกาสเราด้วย เราผิดพลาดไปแล้วครั้งหนึ่ง และเราก็ไม่ได้ทำผิดพลาดครั้งที่สอง โดยที่ไม่ไปทำร้ายชีวิตเขา เราเก็บเขาไว้อุ้มชูอย่างดี แล้วก็ไม่อยากให้ฟิล์มคิดมากนะ เราขอโทษจริงๆ เราไม่อยากออกมาพูดเลย”
ซิงเกิลมัมตัวปลอม?
"เอาว่ะ ลูกคนเดียวแม่เลี้ยงได้ไม่มีพ่อไม่เป็นไร" อย่างน้อยทำผิดครั้งนี้ไม่เป็นไรแต่จะไม่ทำผิดซ้ำสอง ไม่ทำแท้งเด็ดขาด เราจะไม่เอาเขาออก อย่างคนอื่นบอกว่าทำไมไม่ทำแท้ง ทำไมไม่เอาออก ถ้ามามีเด็กอีกหน่อยไม่มีงาน แต่ไม่ทำ ...ถ้าเขาจะมายอมรับลูก เพราะสังคมบีบบังคับอย่าดีกว่าเพราะเราแสดงความบริสุทธิ์ใจไปตั้งแต่เแรก หนูเลี้ยงเองไม่ต้องมาตรวจอะไรแล้ว ไม่ต้องมาให้อะไรแล้วหนูไม่เอา ถ้าจะทำร้ายเขาก็คงทำแต่แรกแล้ว เลี้ยงลูกคนเดียวได้ แม่รู้ว่าท้องแต่ไม่รู้ว่าท้องกับใคร แม่เป็นชาวบ้านอยากพูดก็พูดไม่อยากพูดก็ไม่ถาม … เรื่องเลี้ยงลูกแอนนี่ก็วางแผนเอาไว้ว่า ทุกอย่างต้องไม่ให้เขารู้สึกขาดเกินใดๆ ทั้งสิ้น เขาต้องไม่รู้สึกว่าตัวเองมีปมด้อย แล้วปัจจุบันนี้ซิงเกิลมัมก็เยอะ เราต้องทำได้ ส่วนเรื่องงานในวงการของแอนนี่ก็ต้องแล้วแต่ผู้ใหญ่ แอนนี่ขอขอบคุณผู้ใหญ่ทุกคนทั้งทางเวิร์คพอยท์และช่อง 3 ที่ให้กำลังใจตลอด บอกว่าไม่ต้องกลัวนะเรื่องงาน ช่วยๆ กันเดี๋ยวมีงานก็ทำๆ กันไปเหมือนเดิม”

แต่ในกรณีของ แอนนี่ บรู๊คนั้น ไม่ใช่กรณีของคู่หย่าร้างที่แม่ต้องเลี้ยงลูกหรือว่าผู้ชายไม่ยอมรับลูกใน ท้อง แต่ทั้งคู่มีเรื่องให้เกิดความคลางแคลงใจว่า ใช่ลูกของ “ฟิล์ม” รัฐภูมิ หรือไม่ โดยที่ฝ่ายหญิงยืนยันว่า ใช่ โดยไม่ยอมพิสูจน์ DNA ส่งผลให้แอนนี่ บรู๊คยืนยันที่จะเลี้ยง “คากิ” ฑีฆายุ แก้วไทรหาญด้วยตนเอง

จริงอยู่ว่า ทุกสังคมมี “ซิงเกิลมัม” ในทุกวงการ บ้านเราก็มีทั้งคู่หย่าร้างที่แม่ต้องทำหน้าที่เลี้ยงลูกคนเดียว หรือแม้แต่ในกรณีที่ผู้ชายไม่ยอมรับลูกในท้อง จนเป็นเหตุให้แม่ต้องทำหน้าที่เลี้ยงลูกโดยลำพัง วงการบันเทิงในบ้านเราก็มี “ซิงเกิลมัม” หลายคน เช่น จิดาภา ณ ลำเลียง, แวร์ โซว และ อัญชลี หัสดีวิจิตร แม้จะมีความพยายามที่จะเรียก ไปจนคาดหมายว่า แอนนี่ บรู๊คจะเป็น “ซิงเกิลมัม” มือใหม่อีกคนของวงการ ทว่าหากพิจารณาจากเรื่องราวของเธอแล้ว ไม่น่าจะอยู่ในข่ายเดียวกับซิงเกิลมัม

“จีน่า” จิดาภา ณ ลำเลียง อดีตนางสาวไทยกับลูกสาว “เจดา” จิดาริน เรื่องนี้ “เจ” เจตริน วรรธนะสินคบหาอยู่กับ “จิน่า” จิดาภา ณ ลำเลียงมาก่อน “ปิ่น” เก็จมณี พิชัยรณรงค์สงคราม สุดท้ายครอบครัวเลือก “ปิ่น” ทั้งครอบครัววรรธนะสินและ ณ ลำเลียงยังไปมาหาสู่กัน และ “เจ” ได้ส่งเสียค่าเลี้ยงดูให้แก่จีน่า โดยที่เธอเลือกที่จะพาลูกไปอยู่ที่เมืองนอก โดยไม่มีการโวยวายให้เป็นข่าว หรือให้คนนินทา ถือได้ว่าเธอเป็นตัวอย่างของ ซิงเกิล มัม ที่เลี้ยงดูลูกสาว ได้อย่างดีเยี่ยม ดังจะเห็นได้ว่า การกลับมาเยี่ยมเมืองไทยของแม่-ลูกคู่นี้ สร้างความชื่นชมให้แม่เป็นอย่างมาก ทั้งแม่และลูก ได้ถ่ายแบบขึ้นปกนิตยสาร LIPS ปักษ์หลังมิถุนายน 2553 และเจดาได้มีโอกาสถ่ายแบบลงนิตยสาร ดิฉัน ประจำวันที่ 15 กันยายน 2553

สำหรับหน้าที่รับผิดชอบในฐานะ “แม่” นั้น เมื่อมองดูลูกสาวที่ทั้งสวย ทั้งเก่ง และยังมีความสามารถรอบด้าน เราคงไม่ปฏิเสธว่าจีน่าทำหน้าที่นี้ได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่องและที่น่าชื่น ชมที่สุดคือ เธอทำทุกอย่างด้วยตัวเธอเอง โดยไม่คิดเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากใคร


เครดิตจาก http://manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9530000134627
ที่มาhttp://webboard.sanook.com/forum/3263426

วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553

รู้จัก แอนนี่ บรู๊ค ที่เป็นข่าวกับฟิล์ม


กำลังเป็นที่ฮือฮาเลยทีเดียว สำหรับข่าวลือ ว่า นักร้องหนุ่ม ฟิล์ม รัฐภูมิ ทำสาว แอนนี่ บรู๊ค ท้องคลอดลูกแล้ว 3 เดือน จะเท็จจริงอย่างไร เราคงต้องรอติดตามกันต่อไป แต่ก่อนที่ความจริงจะกระจ่างนั้น เรามาทำความรู้จัก กับ สาว แอนนี่ บรู๊ค กันก่อนละกันว่าเธอเป็นใคร เข้ามาสู่วงการบันเทิง ได้อย่างไร

สาวน้อย แอนนี่ บรู๊ค หรือ รุ่งนภา บรู๊ค ถีบตัวเองจากเด็กบ้านนอก จังหวัดลำปาง เข้าเมืองกรุงเพื่อมุ่งหน้าเรียนต่อจนสำเร็จวิชาพยาบาลเป็นดีกรีติดตัว ชีวิตในเมืองกรุงมันต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด แอนนี่จึงเสริมรายได้ด้วยการรับงานเป็นพริตตี้น้อยเชียร์สินค้าหลากหลายแล้วแต่จะมีคนว่าจ้าง


บวกกับหน้าตาที่สวยเชี้ยบสไตล์นอก จึงมีคนทาบทามให้เป็นตัวประกอบรับแสดงละคร-หนังจิปาถะ ค่าตัววันละ 500 บาท ถูกหักหัวคิวไป 200 บาท เหลือมาถึงมือแค่ 300 บาท เธอก็กัดฟันยิ้มรับ ไม่โต้ตอบ


กว่าจะปีนบันไดสู่ดาวได้ แอนนี่ก็ถูกหลอกไปแคสติ้งเล่นหนังอยู่หลายเที่ยว มานึกเอะใจก็ตอนที่ผู้กำกับสั่งให้แก้ผ้าเท่านั้นแหละ เธอรีบแจ้นหนีกลางคัน กลัวอยู่ไปไม่แก้ผ้าเปล่า.... อาจเสียตัวให้กับผู้ชายเป็นสิบ!!!


กระทั่งเค้าประกาศรับแคสติ้งบทนางเอก เชอรี่ แอน เรื่องราวของคดีดังฆ่าข่มขืน เธอจึงจัดแจงตัวเองเดินเข้าไปสมัครด้วยคน เพื่อหวังก้าวขึ้นสู่บทบาทใหม่ และความหวังของเธอก็เป็นจริง แอนนี่ได้รับเลือกให้ถ่ายทอดบท เชอรี่ แอน นั่นคือก้าวแรกที่ทำให้ทุกคนได้รู้จักกับเธอคนนี้ แอนนี่ บรู๊ค


หลังจากนั้นเราก็ได้เห็นผลงานของเอ ตามมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ละคร, เพลง , มิวสิกวิดีโอ , และภาพยนตร์

แต่ที่เป็นที่ฮือฮา คงจะหนีไม่พ้น การเปิดตัวพ็อคเกตบุ๊คฉาว "ผู้ชายเซ็กซ์ห่วย" บันทึกประสบการณ์ตรงจากชีวิตของเธอ เมื่อประมาณปลายปี 2549
บันทึกเรื่องราวความรักของแอนนี่กับผู้ชายแต่ละคนที่แอนนี่เคยคบมา โดยเธอให้เหตุผลกับการเขียนหนังสือเล่นนี้ว่า

"...เป็นเรื่องราวความรักของแอนนี่กับผู้ชายแต่ละคนที่แอนนี่เคยคบมา ให้พูดตรงๆ แอนนี่เจอมาหลายรูปแบบแล้วนะ ทั้งหลอกแดกบ้าง หลอกฟันบ้าง เขาคงนึกว่าเราโง่มั้ง ผู้ชายมาไม้ไหน ทำไมเราจะไม่รู้ ผู้ชายบางประเภทก็เข้ามาเป็นหมาหยอกไก่ ทำมาพูดทีเล่นทีจริงออกแนวลามก บางคนขอมาหาเราที่ห้องเลยก็มี เป็นพระเอกช่องหลายสีนี่แหละค่ะ ถ้าผู้ชายมาลักษณะอย่างนี้แอนนี่ก็ไม่ขอคบอีกเลย บางคนโดนด่ากลับไปก็มีนะ คือมันทุเรศ

เหตุผลที่แอนนี่ต้องนำมาเล่าให้ฟังก็เพราะอยากเตือนเป็นอุทาหรณ์กับน้องๆ ดาราที่เป็นผู้หญิงและเพิ่งเข้าวงการ เพราะบางคนอยากดังจนไม่คิดถึงภัยที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองเลย บางทีเราไม่รู้หลอกว่าไอ้คำว่าผู้ใหญ่ในวงการเนี่ย มันทำให้เด็กใหม่ต้องรู้สึกเกรงใจและต้องเสียตัวมานักต่อนักแล้ว เพราะไอ้คำว่าผู้ใหญ่ในวงการนี่แหละ...."

ที่มา http://entertain.teenee.com/thaistar/59331.html

ช็อค เอมี่ รัชฎา รับ เคยคบกับ ฟิล์ม มิส ทิฟฟานี่


OMG! อึ้ง ทึ่ง ตะลึง! ได้อีกจ้า เมื่ออยู่ดีดี สาวประเภทสองสุดฮอต คู่กรณีขึ้นคอนโดของคู่หวาน อั้ม-โน๊ต

อย่าง เอมี่ รัชฎา ก็ออกมาเปิดเผยว่า เคยคบหากันแบบลึกซึ้งกับสาวประเภทสองอีกคนที่มีดีกรีความสวยระดับ มิสทิฟฟานี่ อย่าง น้องฟิล์ม เมื่อตอนสมัยมัธยมมาแล้ว โอ้ววว!!อึ้งมั้ยล่ะ

โดยเรื่องราวดังกล่าวถูกเปิดเผยขึ้นในรายการ ทอร์คโชว์รายการหนึ่ง ซึ่งสาวเอมี่ก็เปิดเผยอย่างหมดเปลือกทุกเรื่องทั้งเรื่องที่เป็นประเด็นอย่าง เรื่อง ขึ้นคอนโดของหนุ่มโน๊ต วิเศษ แฟนหนุ่มของอั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ แต่ที่ทำเอาตะลึงงันกันไปหมดก็เห็นจะเป็น การเปิดเผยว่า ตัวเธอเคยมีความสัมพันธุ์ลึกซึ้งกับสาวประเภทสองด้วยกันอย่าง น้องฟิล์ม มิสทิฟฟานี่ เมื่อตอนสมัยเรียนมัธยม...

และหลังจากเป็นประเด็น คู่กรณีอย่างสาวฟิล์มก็ได้โฟนอินกับรายการ แฉแต่เช้า และยอมรับว่า ได้เคยคบหากับสาวเอมี่แบบลึกซึ้งจริงอีกต่างหาก อื้อหือช็อค!!มั้ยละ........

ก็ใครจะเชื่อว่าจู่จู่ สาวเทียมสองนางที่น่าจะชื่นชมผู้ชายพายเรือยจะหันมากินกันเองซะอย่างงั้น!!!
ที่มา http://entertain.teenee.com/thaistar/59265.html

ดาวโป๊ 3มิติ ลั่น จะใส่ความร้อนแรงเพื่อชาติ

ยูกิโกะ ซูโอะ และ หลีไห่เหยียน (คนขวา)

รายงานความคืบหน้าล่าสุดของหนังกระแสแรงอย่าง 3D Sex and Zen Extreme Ecstasy โดยทีมงานได้อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าเก็บภาพ พร้อมทั้งสัมภาษณ์พูดคุยกับเหล่าดาราอีกครั้ง

ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ นักแสดงสาวชาวฮ่องกง "หลีไห่เหยียน" เผยว่า เธอรู้สึกโล่งอกหลังจากเข้าแสดงในฉากใหญ่ครั้งนี้ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยากมาก มีผู้ร่วมเข้าฉากทั้งหมดถึง 6 คน และแต่ละคนยังต้องสวมเสื้อผ้าโบราณที่ทั้งหนักและรุ่มร่าม และกว่าจะถ่ายทำสำเร็จก็ทำเอาน้ำตาร่วงเลยทีเดียว

เมื่อผู้สื่อข่าวท้องถิ่นถามต่อว่า เธอได้ปรึกษาเรื่องการแสดงกับดาราสาวชาวญี่ปุ่น "ยูกิโกะ ซูโอะ" ที่มีประสบการณ์ด้านการแสดงหนังแนวนี้หรือไม่ สาว หลีไห่เหยียน ก็ตอบติดตลกว่า "ฉัน เขินเลยไม่กล้าถาม พวกเขาเป็นมืออาชีพกันมาก ๆ ในฐานะเป็นชาวฮ่องกง ฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุด จะพยายามใส่ความร้อนแรงเข้าไปให้มาก เพื่อเกียรติของชาวฮ่องกงด้วย"

ด้านนักแสดงสาวแดนปลาดิบ ยูกิโกะ ซูโอะ ได้กล่าวถึงประสบการณ์จากหนัง 3D Sex and Zen ว่า เธอรู้สึกถึงความแปลกใหม่ ที่เธอไม่เคยเจอในวงการหนัง AV มาก่อน โดยเฉพาะการถ่ายทำฉากวาบหวิวขณะที่โหนอยู่บนสลิงค์ ซึ่งเป็นการเปิดประสบการณ์ครั้งใหม่อันน่าจดจำสำหรับเธอ

ขณะที่ดาราหนุ่ม "ฮิโระ ฮายามะ" กล่าวถึงความกดดันในการถ่ายทำหนังอีโรติก 3 มิติเรื่องนี้ว่า เมื่อเข้าฉากกับนักแสดงสาวๆ ระหว่างการถ่ายทำ เขารู้สึกเจ็บปวดมาก เพราะต้องปิดและแกะเทปกาวทุกวัน เพื่อไม่ให้เกิดอะไรผิดพลาดขึ้นระหว่างที่อยู่หน้ากล้อง
ที่มา sanook

“ฟิล์ม” ซวยแล้ว ลือหึ่งคบ “แอนนี่” ท้องได้ลูกชายวัย 3 เดือน

เรื่องจริงหรือป่าวอ่ะ

งานเข้าอย่างจัง! สำหรับนักร้องหนุ่ม “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” ที่ตลอดทั้งวันนี้ (15 ก.ย.) มีกระแสข่าวลือหึ่งออกมาว่า ไปทำนักแสดงตัวประกอบคนหนึ่งอักษรย่อ “อ” ที่เคยร่วมงานกันในละครท้อง และฝ่ายหญิงก็ได้คลอดลูกแล้ว โดยลูกชายของนักร้องหนุ่มขณะนี้มีวัยเพียง 3 เดือนเท่านั้น!

เท่านั้นไม่พอยังมีข่าวลือหึ่งระลอกสองออกมาอีกว่า ตัวประกอบหญิงคนนั้นไม่ใช่คนอื่นคนไกล ที่แท้คืออดีตดาราสาวเซ็กซี่ “แอนนี่ บรู๊ค” ที่เคยรับบทเป็น “สุมณธา” ในละครเรื่อง “ปีศาจแสนกล” ที่มีหนุ่ม “ฟิล์ม” แสดงนำเป็นพระเอกนั่นเอง โดยว่ากันว่าทั้งคู่เกิดปิ๊งปั๊งกันในกองถ่าย และซุ่มคบหามีความสัมพันธ์กัน จนกระทั่งฝ่ายหญิงตั้งครรภ์ และเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเธอก็ได้ถอนตัวเองออกจากการรับบท “กะหล่ำ” ในละครสั้นของรายการ “ชิงช้าสวรรค์” เนื่องจากท้องโตเริ่มเห็นได้ชัด

และสาเหตุที่ทำให้เรื่องปูดกลายเป็นข่าวเมาท์ลือไปทั่ววงการอยู่ในขณะนี้ ก็เนื่องจากช่วงที่ “แอนนี่” ตั้งท้องจนกระทั่งคลอดลูกที่โรงพยาบาล ได้รับเงินส่งเสียจาก “ฟิล์ม” ประมาณ 1.5 แสนบาท หลังคลอดลูกชายได้ 3 เดือนนักร้องหนุ่มก็ส่งเงินมาให้ใช้อีก 5 หมื่นบาท แต่พอลูกป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลกลับหายจ้อยไม่ช่วยเหลือ เมื่อไปทวงถามก็ได้รับการปฏิเสธ เรื่องจึงหลุดแดงออกมากลายเป็นข่าวดังอยู่ในขณะนี้ และว่ากันว่า “แอนนี่” ยินดีให้พิสูจน์ท้า “ฟิล์ม” ตรวจดีเอ็นเอว่าเป็นลูกของนักร้องหนุ่มจริงหรือไม่

เพื่อเป็นการเคลียร์ประเด็นร้อนเรื่องนี้ ทาง ASTV บันเทิงผู้จัดการออนไลน์ได้พยายามต่อสายตรงไปหา “แอนนี่” แต่เจ้าตัวไม่ยอมรับสาย จึงทำให้ไม่ได้รับคำตอบ ด้านนักร้องหนุ่ม “ฟิล์ม” ทีแรกมีกระแสข่าวว่าจะจัดแถลงข่าวเรื่องนี้กับสื่อมวลชนในวันพรุ่งนี้ (16 ก.ย.) แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงแค่กระแสข่าวเท่านั้น อาร์เอสยังคงเก็บตัวนักร้องหนุ่มเงียบไม่ยอมปล่อยออกมาให้ข่าวใดๆ

สำหรับ “แอนนี่ บรู๊ค” เป็นสาวลูกครึ่งไทย-สวิส แจ้งเกิดจากบทนางเอกในหนัง “เชอร์รี่แอน” และเคยเป็นแฟนสาวของดาราเสื้อแดงเลือดร้อน “เมธี อมรวุฒิกุล” ก่อนหน้านี้ “แอนนี่” เคยสร้างความฮือฮาด้วยการออกพ็อกเก็ตบุ๊กชื่อ “ผู้ชาย SEX ห่วย!!” และถ่ายหวิวโนลิมิตในอัลบั้ม “CLUB F” ส่วน “ฟิล์ม รัฐภูมิ” เคยสร้างเซอร์ไพร์สให้กับวงการ กรณีถูกเสี่ยพระเครื่องชื่อดัง “เสี่ยอู๊ด” แฉมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน ซึ่งนักร้องหนุ่มได้ปฏิเสธ แต่ยอมรับว่ารู้จักและ “เสี่ยอู๊ด” เป็นผู้มีพระคุณกับเขา หลังผ่านมรสุมข่าวฉาวดังกล่าวมาได้ ล่าสุดเจ้าตัวได้ตกเป็นข่าวฉาวอีกครั้งเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ซึ่งคงต้องรอฟังคำตอบจากปากของ “ฟิล์ม” กันว่า กรณีทับดาราสาว “แอนนี่” ท้องและมีลูกชายแล้ว เป็นเรื่องจริงหรือเพียงแค่กระแสข่าวลือ?!?

http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9530000129978
ที่มา sanook

วันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2553

วิธีออกกำลังกายง่ายๆ ที่ใครๆ ไม่ค่อยจะทำ...


วิธีออกกำลังกายง่ายๆ ที่ใครๆ ไม่ค่อยจะทำ...

1. เดิน
- เดินสะสมระยะทางให้ได้ 15 กม. ต่อสัปดาห์ หรือเฉลี่ยวันละ 3-5 กม.
- เดินสะสมในระยะเวลา 6-7 เดือน หรือจะ...เดินสะสมระยะเวลาให้ได้ 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือเฉลี่ยวันละ 30 นาทีหรือแบ่งเป็น 2 รอบ รอบละ 15 นาที

2. วิ่ง
- วิ่ง 100-200 เมตร หรือ ขึ้น- ลง บันได 2 เที่ยวแล้วพัก ยังไม่มีผลต่อหัวใจมากนัก ไม่ช่วยลดพุง
- วิ่ง 1.5 กม. ใน 8 นาที เริ่มมีผลต่อหัวใจแต่ยังไม่ลดพุง
- วิ่งต่อเนื่องไม่หยุด 12 นาที มีผลต่อหัวใจและลดพุง
- วิ่งต่อเนื่องไม่หยุด 30 นาทีขึ้นไป มีผลต่อหัวใจ ลดพุงชัดเจน

3. ยกน้ำหนักเบาๆ บ่อยๆ
- ทำให้กล้ามเนื้อกระชับ ไม่ลีบ
- ระดับฮอร์โมนต่างๆ ทำงานได้คงที่ เช่น อินซูลิน
- ระดับความดันเลือดคงที่

4. แอโรบิคเบาๆ บ่อยๆ
- ลดความเครียด เกร็ง ของกล้ามเนื้อ
- ชะลอขบวนการเสื่อมจากวัยของระบบกล้ามเนื้อ หัวใจ ปอด และกระดูก
- ต้องทำนาน 20 นาทีเป็นอย่างน้อย อาจเป็นการวิ่ง ออกกำลังอยู่กับที่ ขี่จักรยานอยู่กับที่ หรือ เต้นแอโรบิค


Exercise แบบไหนไม่ดี...
ในคนอ้วน
>NO> เต้นแอโรบิค วิ่งเร็วๆ กระโดดเชือก หรือการออกกำลังกายที่มีการกระแทก

ความดันในเลือดสูง
>NO> ยกน้ำหนัก ดำน้ำลึก สควอช
>YES> ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เต้นรำ เทนนิส จ๊อกกิ้ง


Exercise บ่อยแค่ไหนดี...
ช่วงเริ่มฝึก 1-2 สัปดาห์แรก
- อายุไม่มาก ควรออก 2-3 วันต่อสัปดาห์
- อายุมากกว่า 40 ปี ควรออก 1-2 วันต่อสัปดาห์

ฝึกมาสักระยะ ให้มีความก้าวหน้า
- คงไว้ที่ 3 วันต่อสัปดาห์
- เต็มที่ 5 วันต่อสัปดาห์
- ไม่ควรเป็น 7 วันต่อสัปดาห์ เพราะร่างกายต้องการพักบ้าง

Exercise นานแค่ไหนดี...
- ครั้งละ 30 นาที ในช่วงเริ่มต้น น้ำหนักอาจยังไม่ลด
- เพิ่มเป็นครั้งละ 60 นาที น้ำหนักลดแน่นอน
- รวมแล้วให้ได้ 150-200 นาทีต่อสัปดาห์ รวม 16 สัปดาห์


ถ้าทำตามดังข้างบน รับรองน้ำหนักลดแน่นอน


ขอบคุณข้อมูล ผศ.ดร.สุชาติ ทวีพรปฐมกุล สถาบันวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้อำนวยการแผน
งานส่งเสริมนวัตกรรมการออกกำลังกาย และกีฬาเพื่อสุขภาพ สสส. และ ผศ.ดร.รุ่งชัย ชวนไชยะกูล รองเลขาธิการเครือข่าย
คนไทยไร้พุง และรองคณบดีวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา มหาวิทยาลัยมหิดล

ที่มาsanook

รายการบล็อกของฉัน