วันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2553

วีทกลาส (ต้นข้าวสาลีอ่อน) แหล่งคลอโรฟิลล์ที่สมบูรณ์ที่สุด

คลอโรฟิลล์ ที่ได้จากการคั้นน้ำจากต้นข้าวสาลีอ่อนจะมีปริมาณสูงถึง 70%
นายแพทย์ ยอร์จ โคลเล่อ ได้บรรยายต่อที่ประชุม วิชาการแพทย์ว่าในอนาคต
มนุษย์เราจะพยายามขวนขวายหาพลังสุริยะ จากพืชเพื่อนำมาฟื้นฟูสมรรถภาพ
ร่างกายน้ำคั้นจากต้นข้าวสาลี อุดมไปด้วยสารคลอโรฟิลล์สดๆ และสามารถนำ
มาดื่มได้อย่างปลอดภัย หรืออาจนำไปรับประทานในรูปอื่น ๆ โดยไม่ต้องกังวล
ว่าจะมีผลร้ายต่อร่างกาย กล่าวกันว่า คลอโรฟิลล์ เปรียบเสมือนเลือดหล่อเลี้ยง
ชีวิตต้นพืช โมเลกุลของคลอโรฟิลล์มีความคล้ายคลึง กับโมเลกุลของเม็ดเลือด
แดงของมนุษย์ คลอโรฟิลล์ เป็นต้นกำเนิดของชีวิตพืชทั้งมวล

คลอโรฟิลล์ เป็นน้ำหล่อเลี้ยงที่เปี่ยมไปด้วยพลังสุริยะ
คลอโรฟิลล์ เป็นยาขนานวิเศษที่ธรรมชาติประทานให้มาเพื่อช่วยบำบัด
อาการผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ทั้งภายใน และภายนอก
คลอโรฟิลล์ ให้ความอยู่รอดแก่ชีวิต เนื่องจากให้สารอาหารที่เปี่ยมด้วย
พลังแก่ร่างกายโดยที่ร่างกายไม่จำเป็นต้องสูญเสียพลังงานในการรับ สารอาหาร
วิเศษนี้มา
คลอโรฟิลล์ ดูดซับพลังงานจากแสงอาทิตย์เพื่อนำมาสร้างน้ำตาล แป้ง
และโปรตีนวงการวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่า คลอโรฟิลล์ไม่เพียงแต่ไปหยุดยั้ง
การเจริญเติบโตระงับการแพร่ของเชื้อแบคทีเรียเท่านั้นแต่ยังมีโครงสร้างที่คล้าย
คลึงกับเม็ดเลือดแดงในร่างกายมนุษย์อีกด้วย

จากการศึกษาทดลองที่ได้ทำขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1911 ได้พบว่าคลอโรฟิลล์มี
สูตรโครงสร้างทางเคมีคล้ายคลึงกับโครงสร้างของฮีโมโกลบินที่เป็นส่วน
ประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดง สิ่งที่แตกต่างกัน เพียงอย่างเดียวก็คืออะตอม
ของธาตุที่ประกอบเป็นสารฮีโมโกลบิน นั้นคือธาตุเหล็ก ส่วนในคลอโรฟิลล์ นั้น
เป็นธาตุแมกนีเซียมโมเลกุลของฮิมินท์ในเม็ดเลือดแดง โมเลกุลของคลอโรฟิลล์
คลอโรฟิลล์จากวีทกลาส (ต้นข้าวสาลี) ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงจาก
การศึกษาทดลองในสัตว์ทดลองหลายชนิด ได้พบว่า คลอโรฟิลล์ ไม่ก่อให้เกิด
อันตรายใดๆ ต่อ ร่างกายมนุษย์ทั้งสิ้น เมื่อรับประทานคลอโรฟิลล์เข้าไปเพียง
4-5 วันติดต่อกัน ปริมาณเม็ดเลือดแดงที่สูญเสียไปจะกลับคืนสู่ระดับปกติ หรือ
แม้แต่ในสัตว์ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ามีอาการของโลหิตจาง หรือมีปริมาณเม็ดเลือด
แดงต่ำกว่าปกติ ในการทดลองในห้องทดลองที่ได้ทำกันอย่างกว้างขวางได้ชี้ให
้เห็นว่าเมื่อร่างกายได้รับสารคลอโรฟิลล์เข้าไป การทำงานของเซลล์เนื้อเยื่อ
และการฟื้นคืนสภาพของเซลล์ จะเป็นไปอย่างแข็งขันและเร็วขึ้น
คลอโรฟิลล์ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของน้ำคั้นชนิดขี้ผึ้งหรือผงจะมีสรรพคุณอย่างน่า
ทึ่งในการใช้รักษาแผลติดเชื้อเรื้อรังหรือแผลพุพองโดยจะออกฤทธิ์ยับยั้งการ
เจริญเติบโต และการแพร่ขยายของเชื้อแบคทีเรียทันที
คลอโรฟิลล์ (ที่ได้จากต้นข้าวสาลี) จะก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยต่อ
การเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย มากกว่าที่จะออกฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรีย
โดยตรงน้ำคั้นคลอโรฟิลล์ ได้มาจากพืชหลายชนิดด้วยกัน แต่น้ำที่คั้นจาก
วีทกลาสได้รับความนิยมมากกว่าพืชชนิดอื่นๆ เพราะว่าให้สารอาหารที่เป็น
ประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า

คลอโรฟิลล์ รักษาอาการป่วยเรื้อรังต่างๆ อย่างได้ผล
คลอโรฟิลล์ ถูกดูดซึมเข้าไปในเซลล์เม็ดเลือดได้ทันที
น้ำคั้นคลอโรฟิลล์จะซึมผ่านเข้าไปในเนื้อเยื่อช่วยฟอกเลือดให้
บริสุทธิ์และช่วยฟื้นฟูเซลล์ให้กลับสู่สภาพปกติสมบูรณ์ได้อย่างรวดเร็ว
น้ำคั้นคลอโรฟิลล์ จะช่วยชำระล้างสารของยาที่ตกค้างอยู่ในร่างกาย
คลอโรฟิลล์ ช่วยต้านฤทธิ์สารพิษที่รับประทานเข้าไปในร่างกาย
คลอโรฟิล ช่วยชำระล้างตับให้ปราศจากพิษ และทำให้ตับทำงานได้
อย่างแข็งขันตามปกติ
คลอโรฟิลล์ ช่วยรักษาแผลให้หายเร็วขึ้น

ดร.ซิว นันไล แห่งศูนย์ระบบมะเร็งในมหาวิทยาลัยเท็กซัสได้ทดลองพบว่า
คลอโรฟิลซึ่งเป็นสารสำคัญในน้ำคลอโรฟิลคั้นจาก ต้นข้าวสาลีอ่อนจะช่วยต้าน
ฤทธิ์ของสารก่อมะเร็งในปี ค.ศ. 1940 น.พ.เบนจามิน กรัสคิม ได้เขียนยกย่อง
สรรพคุณของวีทกลาสไว้ในวารสารศัลกรรมศาสตร์ของอเมริกันว่ามีคุณสมบัติ
ทางฆ่าเชื้อโรคและมีคุณประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายในการรักษาอาการต่างๆ เช่น
ระงับกลิ่นตัว ต่อต้านอาการติดเชื้อต่างๆ ที่เกิดจากเชื้อสเตรปโตคอคคัส รักษา
แผลรวมทั้งไปสมานแผลให้หาย เป็นปกติเร็วขึ้น
คลอโรฟิลล์ใช้รักษาอาการโพรงจมูกอักเสบเรื้อรัง และรักษามะเร็งส่วนขา
ลดอาการโป่งพองของเส้นเลือดดำ รักษาอาการอักเสบเรื้อรังและอาการติดเชื้อ
ในช่องหูส่วนใน ใช้ในการรักษาแผลพุพองและตุ่มต่างๆ บริเวณทวารหนักอาการ
ติดเชื้อพยาธิในช่องคลอด ลดอาการของไข้ไทฟอยด์ และรักษาโรคเหงือกอัก
เสบในระยะลุกลามโภชนากรเบอร์นาร์ด แจนเซ่น ได้ยกย่องสรรพคุณของ
คลอโรฟิลล์ว่าสารช่วยย่อยในคลอโรฟิลล์เป็นตัวนำแม่เหล็กและประจุไฟฟ้า
ทำให้ดูดซึมเข้าไปในร่างกายได้รวดเร็ว และร่างกายแทบจะไม่ต้องสูญเสียพลัง
งานใด ๆ ในการนี้เลย ขณะที่ตามปกติร่างกายจะต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมง ๆ
ในการย่อยอาหารแข็งซึ่งใช้พลังงานไปใม่ใช่น้อยทีเดียว
ที่มา dailygreen

รายการบล็อกของฉัน